September 24, 2009

มองมุมเหม่ง > พาลีสอนน้อง ตอนที่ 1 (Pali's Advice -- Episode 1 )

เรียนรู้โดยลุยก่อน
สรุปมาสอนคนรุ่นหลัง
ยังหวังให้ดีกว่า
**************************

เมื่อวานนี้โชคชะตาได้พาให้มาเจอน้องๆ ที่เคยทำงานด้วยครับ ซึ่งตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จกันในระดับที่มากกว่าหนึ่งกันแล้ว แต่สิ่งที่รับทราบและเป็นห่วงคือ จะก้าวกันไปให้ไกลกว่านี้อย่างไร เลยทำให้นึกถึงตัวละคร พาลี ในรามเกียรติขึ้นมา

ขอแนะนำ พาลี นี้นิดนึง เผื่อคนรุ่นใหม่จะได้รู้จักกันบ้าง

พาลี เป็นตัวละครที่น่าสนใจครับ มีแม่คือนางกาลอัจนาที่ลอบเป็นกิ๊กกับพระอินทร์ เนื่องจากสามีตัวจริงคือฤาษีโคดมอาจจะบ่มิไก๊ เอาแต่นั่งภาวนา (หน้าคอมฯ เหมือนใครแถวๆ นี้) แต่นางกาลอัจนาและพระอินทร์ก็ซวยโดยฤาษีจับได้คาเสื่อคาหมอน แทนที่ผู้ใหญ่จะคุยกันให้เคลียร์ ฤาษีคงสู้แรงพระอินทร์ไม่ไหว ก็กลับมาลงที่เด็กอย่างพาลี โดนสาบให้เป็นลิงตัวเขียวๆ เหมือนพ่อไป โตขึ้นมาเลยมีอารมณ์แปรปรวนมีทั้งความดี และเลว ตอนหลังต้องศรของพระราม ก่อนตายเลยมีคำสอนถ่ายทอดให้น้องคือสุครีพ เกี่ยวกับการทำงาน เลยเป็นที่มาของคำว่า พาลีสอนน้อง นี่เอง

ผมเอง แม้ว่าหน้าจะเขียวบ้างในบางจังหวะ แต่ก็ไม่ได้โดนสาปอะไรนะครับ พอดีที่เหตุการณ์คล้ายกัน (ในเรื่องการสอนน้องนะ อย่างอื่นไม่ใช่) เลยขอบันทึกไว้ในเรื่องที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับสาธารณะบ้าง

น้องคนแรกทำงานในส่วนการวางแผนผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ต้องรับผิดชอบตั้งแต่การหาข้อมูลการตลาด วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ ประสานงานกับวิศวกรสำหรับระบบที่ต้องการ ออกแบบบริการ พร้อมกับเงื่อนไขต่างๆ กับฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายการเงินในระบบเก็บรายได้ จนไปถึงขั้นตอนต่างๆ ของฝ่ายบริการหลังการขาย เรียกได้ว่า ปั้นกันตั้งแต่เป็นวุ้นจนคลอดออกมาแล้วเลี้ยงให้โตเลย

รับผิดชอบกันขนาดนี้ แต่จบมาแค่วุฒิบริหารธุรกิจ สถาบันดังๆ สาวๆ น่ารักแถวๆ วิภาวดีนี้เองครับ ในฐานะคนเคยเป็นหัวหน้า ก็ดีใจและภูมิใจเป็นธรรมดา แต่ดูจากสภาพน้อง แทนจะสวยวันสวยคืน กลับโทรมวันโทรมคืน สิ่งที่ถามต่อก็คือ ทุกวันนี้มีกี่บริการแล้วที่ทำออกไป แล้วเคยวัดผลกันหรือไม่

ข้อเท็จจริงคือ บริษัทนี้วางรูปแบบให้หน่วยงานนี้คิดค้นสินค้า บริการใหม่ๆ ออกมาตามดังว่า ซึ่งในปัจจุบันมีรายการนับนิ้วไม่ไหว แต่ไม่ได้มีการนำข้อมูลเหล่านี้กลับมาวิเคราะห์ต่อว่า
- ปัจจุบันมีบริการทั้งหมดเท่าไร กี่รายการที่ทำรายได้ให้บริษัทสูงสุด (มุมมองฝ่ายการเงิน บริหาร) กี่รายการที่มีจำนวนลูกค้ามากที่สุด (มุมมองฝ่ายขาย การตลาด) กี่รายการที่มีต้นทุนการดำเนินการต่ำที่สุด (มุมมองฝ่ายปฏิบัติการ การเงิน) ฯลฯ ประการหนึ่ง
- บริการต่างๆ เหล่านี้ สอดคล้องกับทิศทางของธุรกิจ หรือของบริษัทหรือไม่ อะไรที่อาจจะตายได้ในอนาคต อะไรที่จะมีอนาคต ฯลฯ

น้องตอบว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังไม่มีการนำมาวิเคราะห์สรุปกันเลย ได้แต่คิดๆๆๆ ทำๆๆ จนตอนนอนแทนที่จะฝันถึงแฟน กลับฝันถึงงานๆๆๆ

มิน่า แฟนที่นั่งข้างๆ ก็หน้าเศร้าพอกัน

เลยแนะน้องไปว่า ลองไปตรองประเด็นต่างๆ เหล่านี้ดูเถิด แล้วลองเสนอนายไป บริการหรือสินค้าสิบอย่างร้อยอย่าง อาจจะเหลือแค่ห้าแค่สิบก็ได้

เผื่อจะได้มีเวลาสวีวี่วีกับแฟนและมีโอกาสดูแลตัวเองให้พี่ชื่นใจมากกว่านี้

ถัดมาเป็นเรื่องอนาคตการทำงาน น้องเองเขาก็เบื่อๆ เนื่องจากอยู่ตรงนี้มาหลายปีแล้ว หัวก็เริ่มโตๆ ตันๆ กำลังคิดว่าจะหาโอกาสออกไปทำเอง หรือเปลี่ยนงานไปในระดับบริหารดีหรือไม่

โห เป็นไปตามสเต็ปสมัยนิยมเป๊ะๆ

ก็ไม่แปลกหรอกนะครับ คนปกติทั่วไปก็คิดกันอย่างนี้ แต่ก็ดักคอไปว่า แล้วรู้ไหมละ ว่าจะขึ้นไปทำงานบริหารแล้วมันมีอุปสรรค หรือต้องการทักษะอะไรเพิ่มบ้าง

ยังไม่ตอบนะครับ พอดีน้องเขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

แค่คนเดียวก็ยาวมาถึงขนาดนี้ ท่าทางจะต้องมีตอน 2 ซะแล้วครับ