
ด้วยความเคารพและนับถือ คอลัมน์ "นาฏกรรมเมืองหลวง" โดย "หลวงเมือง" (สำราญ ทรัพย์นิรันดร์) นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อาวุโสเครือมติชน จึงขอทดลองเขียนเรื่องนี้ในแนวทางรูปแบบเดียวกัน เพื่อเป็นการบูชาครู และงานทดลองครับ
************************************************
คุณอาทรอยู่ในวัยที่เลยเกษียณมานานแล้ว อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่สร้างมานานจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ลูกหลานก็ต่างคนต่างอยู่ในห้องหับส่วนตัวที่แยกกันเป็นสัดส่วน นานๆ ถึงจะมารวมตัวกันตามวันสำคัญในเทศกาลต่างๆแม้จะเงียบเหงาต่างจากเมื่อก่อน แต่คุณอาทรเองก็ยอมรับได้ในความเปลี่ยนแปลง และความเป็นไปของโลกยุคนี้ ทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวีสามมิติที่ตัวละครโดดออกมาได้ แต่ละครหลังข่าวก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งก็เ็ป็นสิ่งที่สำราญใจพอสมควร คุณอาทรไม่ได้มีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบอะไร นอกเสียจากเวลาเช้า ลูกหลานบางคน ก็มากราบลาไปเีรียนไปทำงาน ตัวแกเองก็ได้แต่อวยพรให้โชคดี แคล้วคลาดปลอดภัย จากสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ถึงแม้จะไม่ได้ไปไหน แต่คุณอาทรก็รู้ดีว่าเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินก็เสี่ยงเหมือนๆ กับตอนที่แกเป็นเด็กแล้วกระโดดขึ้นรถรางรอบเมือง ที่เลิกกิจการไปเมื่อไม่กี่สิบปีนี้เอง
คืนหนึ่งในต้นเดือนมีนาคม ฝนตกลงมาอย่างหนักกลางดึก แบบที่คนเก่าคนแก่เรียกว่าฟ้าั่รั่ว แม้จะเห็นเค้าลางมาตั้งแต่ตอนเย็น แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักเสียจนไม่ได้ยินเสียงอื่นนอกจากฝนกระทบหลังคา แม้ว่าจะช่วยลดความอบอ้าวของต้นฤดูร้อนไปได้บ้างก็ตาม แต่คุณอาทรเองก็ยังอดกังวลไม่ได้ เนื่องด้วยประสบการณ์ตอนเด็กสมัยที่อยู่บ้านหลังเก่านั้น ได้มีขโมยปีนเข้าบ้านมาลักทรัพย์ถึงสองครั้ง แม้ว่าจะได้อะไรไปไม่มาก แต่การไม่มีทีวี กับ จักรเย็บผ้าก็สร้างความลำบากให้กับเด็กชายอาทรไม่ใช่น้อยเช่นกัน
ฝนตกอากาศเย็นๆ อย่างนี้ คนในบ้านก็พากันหลับอย่างสบาย ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัย แกเดินไปตามห้องหับต่างๆ ตรวจดูกลอนประตูว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ จนกระทั่งเดินมาทางด้านหลังบ้าน บริเวณที่ติดกับบ้านอีกหลัง คุณอาทรได้ยินคนใช้คุยกันว่า เจ้าของซึ่งเป็นชาวต่างชาติไม่อยู่หลายวัน มองเห็นเงาตะคุ่มๆ สองคนที่ไม่น่าใช่คนในบ้านโน้น เดินวนเวียนมาทางบ้านของแกเองหลายครั้ง
ยังไม่ทันจะคิดอะไรออก เงาดังกล่าวนั้นก็กระโดดโผงข้ามรั้วมาที่ลานหลังบ้าน คุณอาทรได้แต่นึกในใจว่า คิดไว้แล้วว่าตรงนี้มันต้องไม่ปลอดภัย น่าเสียดายที่ไม่ได้เสริมรั้วให้สูงกว่านี้อีกหน่อย แกหันไปมองซ้ายมองขวา คิดว่าจะหยิบจับอะไรดี เงาทั้งสองนั้้น ก็เริ่มไขกุญแจเข้ามาในบ้าน
วันรุ่งขึ้น ตำรวจมากดกริ่งที่บ้านแต่เช้า คุณอำนวยลูกชายคุณอาทรเป็นคนไปเปิดประตูด้วยตนเอง ตำรวจพาโจรสองคนเข้ามาด้วย เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะว่าบ้านหลังนี้ เป็นบ้านหลังสุดท้ายที่โจรกลุ่มนี้เข้ามาเมื่อคืน แม้ว่าจะไม่ได้อะไรไป ก็ต้องมาทำรายละเอียดให้ครบตามหลักการสอบสวนที่ดี
พอเดินผ่านห้องรับแขก ตรงหน้าหิ้งพระ โจรทั้งสองคนต่างหน้าถอดสีโดยมิได้นัดหมาย คุกเข่าก้มกราบขออโหสิกันเป็นพัลวัน พลอยให้ตำรวจที่เดินคุมตัวมา ต้องยกมือไหว้ที่แท่นบูชารูปถ่ายของคุณอาทรอย่างงงงง