
ไม่นานมานี้ได้อ่านบทความที่พูดถึง "หนังกะบะ" ซึ่งหมายถึงหนัง VCD, DVD ที่วางขายในกะบะเป็นแถวๆ ในห้างหรือร้านค้าทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นหนังเก่าๆ หรือหนัง "ขายพ่วง" มากับโปรแกรมหนังใหญ่ ที่บริษัทจัดจำหน่ายก็มาทำเป็นหนังแผ่น เพื่ออย่างน้อยจะได้เงินมาถัวๆ กันบ้าง
หลายๆ ครั้งผมพบว่า ในกะบะเหล่านี้ มีขุมทรัพย์ที่น่าสนใจ และหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ต้องบอกก่อนว่า หลังๆ นี้ นอกจากหนังฝรั่งซับไทยแล้ว ผมมักจะเลือกหนังเอเชีย (ญี่ปุ่น เกาหลี) ที่พากย์โดยทีมงานพันธมิตร เป็นความชอบส่วนตัวในเรื่องของมุข และน้ำเสียงที่ดูเมื่อไรฮาได้ทุกที
หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในไตรภาค Old Boy ของผู้กำกับ ปาร์ค ชุน วุก ครับ มีสามเรื่องคือ Sympathy For MR. Vengeance (2002) , Oldboy (2003) และสุดท้าย Sympathy For Lady Vengeance (2005) เนื้อเรื่องแยกกัน แต่มีธีมร่วมกัน คือการล้างแค้น และความรุนแรง ซึ่งไม่เหมาะสำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะนะครับ
เนื้อเรื่องย่อๆ คือ กึมจา (ลี ยอง เอ) โดนจับฐานฆาตกรรมเด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญจากสื่อมวลชน เพราะด้วยหน้าตาที่สวยงามของเธอ เธอถูกลงโทษจำคุก 13 ปี ซึ่งหนังค่อยๆ เปิดปมทีละปมว่า เมื่อเธอพ้นคุกแล้ว เธอตั้งใจที่จะล้างแค้นใครคนหนึ่งที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องติดคุก และในที่สุดเธอก็หาคนๆ นี้เจอและได้ล้างแค้นสมใจหมาย
ลำพังเนื้อเรื่องเอง ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามาคงไม่มีประเด็นอะไรให้พูดถึงมากนัก แต่ที่ผมคิดว่าน่าสนใจ คือรายละเอียด "ระหว่างทาง" ที่ผู้กำกับและคนเขียนบทใส่เข้ามา เช่น
ความมุ่งมั่นในการล้างแค้น - ทำให้เธอต้องสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมคุกต่างๆ ที่จะช่วยเธอได้ในอนาคต หรือผู้กำกับที่สามารถนำเสนอเรื่องของเธอให้กับคนข้างนอก
วิธีการล้างแค้น - ที่ผมแปลกใจและชอบในไอเดียคือ เมื่อเราเจอคนที่เราต้องการล้างแค้นแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะพิฆาตให้อาสัญ แต่สิ่งที่เธอเลือกคือ เธอให้พ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆ ที่ถูกผู้ร้ายตัวจริงลักพาตัวและทรมาน มาร่วมในการพิพากษา และล้างแค้นร่วมกับเธอด้วย โดยให้ทุกคนได้ลงคะแนนเสียงว่าเลือกที่จะให้ฆาตกร "อยู่" หรือ "ตาย" อย่างไร และ ถ้าจะให้ "ตาย" จะให้ "ตาย" แบบไหน โดยให้แต่ละคนจับสลากเข้าไปล้างแค้นทีละคน
ที่โหดกว่านั้นคือ ระหว่างที่ประชุมเพื่อลงมติล้างแค้นนั้น เธอปล่อยให้การลงมติ ออกอากาศให้ฆาตกรที่ถูกมัดอีกห้องหนึ่งนั้นได้ยินทุกอย่างด้วย !!
และเธอไม่ลืมที่จะให้ตำรวจคนที่จับเธอ (แทนที่จะจับฆาตกรตัวจริง) มาเป็นสักขีพยานในการล้างแค้นด้วยอีกทางหนึ่ง
เมื่อการล้างแค้นเสร็จสิ้น ทุกคนก็ช่วยกันเก็บกวาด แล้วมาถ่ายรูปร่วมกัน เป็นที่ระทึก และมั่นใจว่าไม่มีใครเบี้ยวแน่นอน
นอกจากจะประทับใจการนำเสนอที่กล่าวไปแล้ว ผมสงสัยว่า ในชีวิตจริงของคนเรา มันจะแค้นหรือโกรธกันได้มากขนาดนี้เชียวหรือ มีคู่สามีภรรยา คู่หนึ่งที่เกือบจะเลือกที่จะ "ให้อภัย" กับฆาตกร เพราะล้างแค้นไปก็ไม่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับมา แต่ตัวละครอื่นๆ ก็หาเหตุผลดึงกลับมาสู่การล้างแค้นจนได้
อาจจะเป็นไปได้ที่ผมไม่ได้มีประสบการณ์เช่นตัวละครในหนัง แต่เราจะให้ความทุกข์เหล่านี้ผูกมัดตัวเราถึงเมื่อใด หลังจากล้างแค้นแล้ว หนังก็ยังต่อไปด้วยว่า การล้างแค้นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตคนเหล่านั้นดีขึ้นอย่างใด
ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่า "การให้อภัย" เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ตราบใดที่เรายังเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "การลงโทษ" คนผิดก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่เราจะคาดหวังอะไรกับการลงโทษเหล่านั้น หรือเราพอใจกับ "การขอโทษ" ที่เขาสำนึกและขอจากเราหรือไม่
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญและจัดการกันต่อไป