January 6, 2011

มองมุมเหม่ง > เธอไม่รักฉันแล้วหรือไร?? (Stop Loving You)

เคยรักเคยคักคึก
วัีนนี้แค่นึกไม่อยากเจอ
ความรักจางไปหรือ
***********************
ในบรรยากาศต้นหนาวที่ผ่านไปไม่นาน เรื่องราวเดิมๆ ของปมปัญหาความรักผ่านเข้ามาให้ได้ขบคิดอีกครั้ง

ญ - "ที่ผ่านมายุ่งๆ เหรอ ไม่ค่อยได้เจอกันเลย โทรไปก็คุยได้แปปเดียว"
ช - "อืม นิดนึง งั่มๆๆ " (เคี้ยวข้าวอยู่)
ญ - "ทีเมื่อก่อนก็ยุ่ง แล้วทำไมมาเจอได้ ทำไมโทรได้ตั้งนาน"
ช - "ก็มันยุ่งกว่าเดิมน่ะ งั่มๆๆ " (คราวนี้เคี้ยวหมูย่าง)
ญ - "รู้ไหม เราไม่ค่อยเจอกัน เค้าเสียใจแค่ไหน ตัวเองคงไม่รู้หรอกนะ ดูสิ เอาแต่กินๆๆๆ ไม่สนใจกันเลย ปล่อยให้เขาเสียใจฝ่ายเดียว...(บลา บลา เบลอ)"

ทีแรกที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ ผมปล่อยผ่านให้มันเป็นเรื่องการตัดพ้อ รำพัน ถึงความรู้สึกทั้งสองฝ่าย ของชายชาวอังคาร กับ นางฟ้าดาวศุกร์ แต่คงเพราะอาหารไม่อร่อย หรือเบียร์ไม่ย่อย ทำให้กลับมาคิดกันจริงๆ จังๆ ว่า ใครกันแน่ที่เสียใจ

นั่นสินะ ดูเผินๆ เหมือนฝ่ายหญิงปิ่มว่าจะขาดใจ ฝ่ายชายเองก็นิ่งเบลอเสร่อแป๊ะไป

ถ้ามองอย่างคนเรียน MBA ถึงหลักการดีลธุรกิจกับหุ้นส่วน หรือ Partner ว่า มันควรจะเป็น Win-win solution บ่แม้น Win-lost หรือ Lost-lost

สถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าคำให้การของฝ่ายหญิงจะเหมือนว่า เธอตกเป็นผู้เสียหาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่เธอไม่ได้เจอฝ่ายชาย ในทางกลับกัน ฝ่ายชายก็ไม่ได้เจอเธอด้วยเช่นกัน

บนสมมติฐานว่าทั้ง 2 ยังรักกันอย่างนี้ การที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สมหวัง (ที่จะเจอกัน) จึงเป็น Lost-lost อย่างจริงแท้แน่นอน

ดังนั้นแล้ว ถ้าคู่รักทุกคู่เข้าใจในข้อเท็จจริงนี้ ก็ขอให้หันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจอีกฝ่าย ถึงความต้องการ ข้อจำกัดที่อีกฝ่ายมี หาทางออกที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะได้เอวัง สมหวัง Win-win ด้วยประการฉะนี้

ไม่ใช่ว่าฟังแล้ว ไปโกรธฝ่ายชาย ร้องไห้กับฝ่ายหญิง เหมือนละครก่อนข่าวดึกที่นิยมกัน

มองมุมเหม่ง > คืนเปลี่ยนปี เราต่างเปลี่ยนไป (Happy New Year 2011)


.. ปีนี้เป็นอีกปีที่ผมรู้สึกว่าการฉลองปีใหม่ไม่คึกคักเหมือนเคย
คงเป็นเพราะเวลาที่เวียนผ่าน กับประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น
แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับเด็กๆ ในบ้านที่ใจจดจ่อรองานนับถอยหลังในที่ต่างๆ
จะมีบ้างกับเพื่อนบางคนที่มีคนรู้ใจต่างวัยกัน..

ไม่อยากนึกเลยว่าเราแก่ไปอีกแล้วเหรอ เราเหลืออะไรที่ยังไม่ได้ทำหรือเปล่า หรืออะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ

เลยพาลนึกไปถึง The Bucket List (2007) ที่ลุงสองคน (มอร์แกน ฟรีแมน / แจ็ค นิโคลสัน) ในวาระสุดท้ายของชีวิต เลือกที่จะทำ "อะไรๆ" ที่อยากจะทำก่อนตาย

ครับก็กลายมาเป็นหนังแนว Road Trip ที่ดูสนุกๆ อีกเรื่องหนึ่ง พร้อมกับเตือนใจเราว่า "จะทำอะไรก็รีบๆ เน้อ รอวันรุ่ง วันพรุ่ง คงไม่ทัน"

นอกจากงานฉลองแล้ว ปีนี้ผมก็มีโอกาสได้ "คุย" กับตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไร (มัวแต่ไปคุยกับคนอื่นซะเยอะ)

ถามตัวเองว่า ปีที่ผ่านไป
- ภูมิใจกับอะไรที่ทำหรือตัดสินใจบ้าง
- เสียใจกับสิ่งที่ทำไป หรืออยากขอโทษใครบ้าง
- เสียดายกับเรื่องอะไรที่ไม่ได้ทำ เพราะลังเล เพราะอะไรต่อมิอะไรบ้าง
- แล้วอะไรที่จะไม่ทำอีก อะไรที่ต้องรีบทำ

ที่ทำแบบนี้ เพราะว่าบางทีไปขอความเห็น หรือ คอมเมนต์ จากใครๆ เขา บ้างก็เกรงใจไม่บอกเราตรงๆ บ้างก็กลัวว่าเราจะสวนกลับ ต่างๆ เหล่านี้ก็พลอยทำให้เรามองตัวเองบิดเบือนไปบ้าง

ตัวเรานี่แหละ มองย้อนกลับไป พึงพินิจด้วยใจเป็นกลาง จะด่าตัวเองก็ทำได้เต็มที่ แปลกดีที่ไม่โกรธเหมือนคนอื่นมาด่าเรา เพราะถ้าโกรธแล้วจะเขกกบาลตัวเองก็คงเจ็บ

คุยกับตัวเองเสร็จ ก็ไปสวดมนต์ไหว้พระปีใหม่กับแม่ แล้วก็เข้่านอนเหมือนวันปกติทั่วไป

สวัสดีปีใหม่ครับ