
ลิขสิทธิ์ตรงไหน
ฉันชอบใจก็อปใส่ไปให้
ไม่ต้องมาขอบใจ
**********************
ฉันชอบใจก็อปใส่ไปให้
ไม่ต้องมาขอบใจ
**********************
วันนี้หนังเรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทแล้ว ประสาคนชอบดูหนังไทย ประทับใจทีมงานผู้กำกับและ GTH ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ
ทั้งเรื่อยย่อ เนื้อหา ความเป็นมา ดารา ถ้าสนใจก็หาได้นะครับ มีเกลื่อนกลาดเต็มเว็ปไปหมด ที่วิกิพีเดียก็มีคนมีน้ำใจจัดการมาให้ (ไม่รู้ว่าใช่ทีมพีอาร์ของผู้สร้างหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้ทำหนัง ไม่ใช่แค่งานสร้างอย่างเดียว ต้องคิดถึงเรื่องการตลาดทั้งก่อนและหลังด้วย)
ดูหนังแล้ว ผมสนใจที่จะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับดาราสมทบ คนที่เล่นบทพ่อและแม่ของนางเอก "เหมยลี่" (แสดงโดย คริส หอวัง - ชื่อฝรั่ง นามสกุลไทย แต่หน้า หม๊วย หมวย) บอกตรงๆ ว่า บางฉากออกมา ตัวละครหลักถึงกับ "หมอง" ก็ว่าได้ เลยพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก็ไม่เจอ แม้กระทั่งเว็บอย่างเป็นทางการของหนังเรื่องนี้เองก็ไม่มีรายละเอียดให้ครับ ต่างกับหนังต่างประเทศหลายๆ เรื่องที่เขามักจะให้เกียรติทีมงานทุกฝ่าย จะมีข้อมูลให้อย่างครบถ้วน รายชื่อเด็กยกไฟ เขายังให้เครดิตเลย
สิ่งที่ต้องการหากลับไม่เจอ (ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะหาอะไรไม่เจอในโลกอินเตอร์เน็ตใบนี้) แต่ผมกลับพบว่า มีการพูดถึง "มาม่า" ในหนังอย่างมากมาย (2 ครั้ง ตอนแรกที่บ้านพระเอก พระเอกต้มให้นางเอกก่อนไปนั่งรถเที่ยวกัน และตอนที่ นางเอกอยู่บ้่านคนเดียวและพยายามต้มทานเอง)
ถ้าตัดประเด็นที่ว่า หนังเรื่องนี้ได้สปอนเซอร์หรือเปล่า (กลยุทธ์การ Tie In สินค้า - พยายามให้สินค้าเข้ามามีส่วนในหนังหรือละคร ให้เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของบท หรือของตัวเอก เพื่อให้คนดูให้ซึมซับไป เรียกว่าโฆษณาแฝงก็ได้ครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว) คนเขียนพยายามจะเชื่อมโยงตีความพฤติกรรมการกินมาม่าของนางเอกนั้น เกี่ยวข้องกับความอดทนในการรอของความรักที่จะเข้ามา เพราะมาม่าเขาให้รอ 3 นาที แต่นางเอกชอบกินเส้นกรอบๆ รอแค่ นาทีเดียว ซึ่งความรักมันใจร้อนกันไม่ได้
เม้ากันเว็บแตกเลยครับ ตื่นเต้นกับการตีความในนัยยะนี้กันใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วหลายๆ คนตอนเด็กๆ ก็ฉีกซองกินมาม่าเปล่าๆ กันเป็นขนมก็บ่อยไป
ครับ จะตีความกันอย่างไร นั่นไม่สำคัญ ผมว่าดีเสียอีก จะได้ฝึกให้มองอะไรให้ลึกกว่าที่เห็นบ้าง
แต่ที่สงสัยคือ ข้อความหรือบทวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น ถูกก็อปปี้กันกระจายไปตามเว็บต่างๆ มากมาย เนื้อหา ตัวสะกดเดียวกันเด๊ะ โดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาเลย ผมเองคลิกๆ ดูหลายๆ ที่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเขียนเรื่องนี้กันแน่ แต่งานคุณกระจายไปหมดแล้วครับ ขอดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน
สิ่งเหล่าีนี้บอกอะไรเราบ้างครับ
ในแง่บวกนั้น ทำให้เราได้เห็นถึงพลังของ Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคม จากพื้นฐานของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้เราอยากบอกต่อ "สิ่งดีๆ " (ในความคิดของเรา) ให้กับคนรอบข้าง ซึ่งทุกวันนี้สินค้าหลายๆ รายก็พยายามที่จะสร้างประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้เช่นกัน
มีบวกแล้วก็ต้องมีลบ อย่างแรกเลย วัฒนธรรมการก็อปปี้กำลังจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยข้ออ้างที่ว่า "ฉันเห็นว่ามันดี ฉันเลยอยากบอกต่อ" บางคนถึงกับอ้างด้วยว่า "ต้องมาขอบคุณฉันด้วยซ้ำ อุตส่าห์โฆษณาให้ฟรีๆ นะเนี่ย" ซึ่งทำให้ผมไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกเรื่องลิขสิทธิ์มันจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ ไหม วันนี้คุณละเมิดแค่เนื้อหา บทความ แล้วต่อๆ ไปละครับ ความรู้สึกผิดถูกมันจะเหลือเท่าไร
อีกเรื่องคือ เรามักจะเอาตัวเราเองเป็นตัวตั้ง ในการ "ตัดสิน" ว่าคนอื่นๆ "ต้อง" รู้เรื่องนี้ เรื่องนั้น แล้วเราก็แค่ส่งต่อไปให้ แต่เราเคยถามเขาไหมครับ ว่าอยากได้ไหม หรือที่ส่งไปนะ ถ้าหากมีไวรัส หรืออะไรที่ทำให้เขาได้รับความเสียหาย อันเนื่องมาจากความประมาทของเราแล้ว มันคุ้มค่าไหม กับไมตรีที่ียื่นไปให้ คงจำกันได้นะครับ วิกฤตการณ์ไวรัสดังๆ ที่แฝงไปกับเมล์หรือรูป ก็ฉวยโอกาสจากแนวคิด "หวังดี" อย่างนี้เช่นกัน
อย่าให้เจตนาดีๆ ของเราต้องทำให้ความรู้สึกชั่วดีในเรื่องลิขสิทธิ์มันเลือนหายไป และเป็นเครื่องมือทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจนะครับ