June 22, 2011

มองมุมเหม่ง > เพราะเรานั้นคู่กรรม (Sin City)


แปลกใจใครกำหนด
เขียนบทคดเคี้ยวเลี้ยวมาพบ
ตอนจบแล้วแต่กรรม
******************************

เคยแปลกใจกับสิ่งที่ผ่านไปในชีวิตของเรากันไหมครับ ว่าอะไรหนอที่กำหนดให้เรามาเจอใครต่อใคร พบคนที่เป็นใคร "สักคน" ของเรา หรือเราไปเป็นใคร "บางคน" ของเขา สร้างความเวียนหัวและเรื่องราวพันพัวมากมาย กลายเป็นความวุ่นวายในโลกใบนี้ นักคิด นักปรัชญาหลายๆ คนเลยโยนให้พระพรหมเป็นแพะไป ว่าเป็นต้นเหตุทั้งปวง เกิดเป็นเพลง สร้างเป็นหนังให้บันเทิงกันอีกแน่ะ

แต่ถ้ามองในมุมของพุทธศาสนา ในเรื่องของ "กรรม" ที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น มันมีสาเหตุที่มาที่ไปจากในอดีต ทั้งด้านดี ด้านชั่ว ซึ่งถ้าพิจารณาต่อยอด สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันมาเกี่ยวพันกัน อธิบายได้ด้วยเงื่อนไข 6 ประการดังนี้

"ความดี" หรือ "ความเลว" - กับคนบางคนมาเจอกันเพราะมีวาระ หรือสถานการณ์ให้มาพบกัน ในเงื่อนไขของเรื่องดีๆ เช่น ไปทำบุญ (อันนี้ออกจะทฤษฏีไปหน่อย) ไปงานแต่งงานเพื่อน หรือ ไปเจอในที่ฝึกอบรม หรือเรียนปริญญาโท สถานการณ์เหล่านี้ มักจะคัดกรองคนมาระดับหนึ่งแล้ว ทำให้มาเจอกันแล้วมีแต่เรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นต่อไป

ในทางกลับกัน กับบางคน แม้ไม่เกี่ยวกับหน้าตา แต่กรรมก็กำหนดให้มาเจอในเรื่อง "เลวร้าย" ด้วยกัน บางคนอาจจะคิดว่า "ทำไมมาเจอไอ้นี่ แล้วเราซวยอย่างนี้หนอ" ทั้งเวลาที่ไม่เหมาะสม สถานที่อโคจร ก่อให้เกิดความซวย หรือกรรมที่ต้องมาชดใช้กัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรา ว่าจะเข้าใจและรู้เท่าทันเพื่อไม่ให้ถลำตัวไปกว่านี้ อย่างน้อยความลำบากต่างๆ มันก็จะสิ้นสุดกันในชาตินี้เป็นต้น

ต่อไปก็เป็นเรื่องปัจจัยด้านเวลาครับ ว่าที่เรามาเจอคนๆ นั้น มัน "ช้า" หรือ "เร็ว" - อันนี้หมายถึงช่วงอายุที่มาเจอกัน บางครั้งเราก็พบกันตั้งแต่ยังเด็ก ยังวัยรุ่นอยู่ หรือ บางคนก็มาเจอตอนอายุมากแล้ว ที่เขาถึงพูดกันไงครับ "พบไม้งามยามขวานบิ่น" "คู่แล้วไม่แคล้วกัน" "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" ฯลฯ ซึ่งมันก็มีผลพอสมควรนะครับ เช่น ถ้าเจอคนไม่ดีตอนที่เรายังเด็ก ก็ยังมีเวลาที่จะกลับตัว หรืออาจจะเสียหายไม่มาก (ตัวอย่างดาราเยอะแยะไปหมด) แต่ถ้าเจอคนดีๆ แล้ว ด้วยความเป็นเด็ก ทำอะไรวู่วาม ก็อาจจะรักษาเขาให้อยู่กับเราไม่ได้เช่นกัน (เฮ้อ)

ปัจจัยสองข้อสุดท้ายก็เป็นเรื่องของระยะเวลาเหมือนกันครับ ว่ามัน "มาก" หรือ "น้อย" แค่ไหน - บางคนเราอาจจะทำบุญร่วมกันมาเพียงแค่นี้ ดังนั้น ช่วงเวลาแห่งความสุขระหว่างเราสอง มันอาจจะน้อยกว่าที่คิด หรือบางคู่นั้น อาจจะต้องอยู่ร่วมเวร ร่วมกรรม มีทุกข์กันไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้

เหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่อยากจะฝากให้พิจารณากันครับ เพราะเมื่อถึงจุดที่กรรมมันหมดลง หรือชำระบัญชีกันอย่างเรียบร้อยแล้ว เรื่องราว หรือ บุคคล ทั้งดีๆ ทั้งร้ายๆ ก็จะออกไปจากชีวิตของเราเอง ขึ้นอยู่กับว่า เราจะดันทุรัง ก่อเวร สร้างกรรมใหม่ ให้มันเวียนวนเป็นวัฏจักรกันต่อไปไม่รู้จบ หรือจะอโหสิกรรมต่อกันให้แล้วๆ ไปหรือเปล่าเท่านั้นครับ

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ ขอความสวัสดีจงมีแต่สุภาพชนทุกคนครับ