August 12, 2011

มองมุมเหม่ง > เรื่องเวียนหัวของที่ปรึกษา (Don't Ask Jeeves)

ต้องการมาตรฐาน
การจัดการประสานทุกสิ่ง
แท้จริงใครตรวจสอบ
****************************

มูลเหตุที่เขียนเรื่องนี้ นอกเหนือจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่ๆ ในวงการที่ปรึกษาแล้ว ยังเนื่องมาจากงานประจำที่ขยายขอบเขตจากเดิมที่ขายตัวสินค้า หรือระบบต่างๆ มาเป็นการให้คำปรึกษา วางแผน ซึ่งเป็นแนวโน้มการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น เพราะเหนือไปจาก คุณภาพ และ ราคาแล้ว คุณจะต้อง "เข้าใจ" และมองทะลุถึงปัญหาของลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม ถึงจะอยู่ได้

กลับมาเรื่องของการให้คำปรึกษาอีกครั้ง ที่ยุคหลังเริ่มทวีความสำคัญ เพราะความซับซ้อนที่มากกว่าเดิม ทั้งในด้านเทคโนโลยี กฏหมาย มาตรฐาน และการตลาด ทำให้จากที่ปรึกษาทั่วๆ ไป ก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่า จะเป็นที่ปรึกษาเฉพาะเรื่องอะไร ตรงนี้ก็จะสะท้อนกลับไปยัง มาตรฐานการศึกษา ละครับ ว่าทางภาครัฐได้เตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ซึ่งคำตอบก็รู้ๆ กันอยู่ว่า มีข้อจำกัดกันแค่ไหน

ขั้นตอนคร่าวๆ ในการทำงานของที่ปรึกษาทางวิศวกรรมนั้น เริ่มตั้งแต่ (ที่ยังไม่มีอะไรเลยน่ะ)
- การวางกรอบแนวคิดหลัก (Conceptual Design) ว่าภาพรวมต้องมีอะไร ยังไงบ้าง แล้วพัฒนาต่อมาเป็น
- แบบรายละเอียดเบื้องต้น (Preliminary Design) ซึ่งก็จะเห็นภาพชัดขึ้น ถึงองค์ประกอบต่างๆ รวมไปถึงงบประมาณที่ต้องใช้ แล้ว ในลำดับต่อไปก็จะเป็น
- การลงรายละเอียด (Detail Design) ของแต่ละส่วน รวมไปถึงแบบ หรือ บางทีกำหนดถึงยี่ห้อสินค้าเลย และสุดท้ายเมื่อโครงร่างทางเทคนิคทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะเพิ่มเติมส่วนอื่นๆ เช่นข้อกำหนด กฏหมาย เงื่อนไขต่างๆ กำหนดเป็น เอกสารสำหรับการประกวดราคา (Term of Reference - TOR) ในท้ายที่สุด

จากการทำงานข้างต้น จะเห็นได้ว่า ต้องใช้องค์ความรู้มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้น แทบจะหาตัวจริงในวงการมิได้เลย รวมไปถึงขอบเขตที่ต้องรู้ ซึ่งบางทีการเรียนในหลักสูตรก็ไม่มี เช่น เรื่องของข้อกำหนด กฏหมาย กับนักเรียนวิศวกรรม แต่ก็จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด จะเอาไว้กันหมากัด หรือรู้ไว้เพื่อประโยชน์สุขของลูกค้าก็ได้ เหล่านี้ ทางบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำจริงๆ ก็จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกันหลายคน ซึ่งเมื่อคนมากขึ้น ความยาก ซับซ้อนมากขึ้น ก็ส่งผลต่อราคาค่าตัว ค่าสมอง และประสบการณ์

ซึ่งในปัจจุบัน โชคดีที่ลูกค้าหลายๆ รายเริ่มเข้าใจ และยอมจ่ายมากขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่จะขอกันฟรีๆ ซะมากกว่า

แต่ปัญหาที่ปวดหัวกว่านั้น คือ "การตรวจสอบ" ครับ ว่าข้อเสนอแนะ หรือ รายงานที่เราได้รับจากที่ปรึกษานั้นน่ะ มันเชื่อถือได้อีกหรือเปล่า ต้องอ้างอิงอะไรจากที่ไหน

จนบางที ก็มีการตั้ง "ที่ปรึกษา" ซ้อน "ที่ปรึกษา" เป็นชั้นๆ ขึ้นมาอีกเพื่อตรวจสอบกันไป หรือแม้จะตกลงกันว่าต่อไปว่าให้อ้างอิง มาตรฐาน หรือ ข้อกำหนด แต่ก็ต้องปวดหัวกันอีกว่า จะเอาของประเทศไหน เพราะมาตรฐานความรู้ของที่ปรึกษาแต่ละประเทศนั้น ก็แตกต่างกันไป จะค่ายยุโรป หรือ อเมริกา (2 ค่ายเท่านั้น เพราะประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ยังไม่ได้รับการยอมรับ แม้ว่าบางทีเราจะมีดีกว่าก็ตาม)

ก็เป็นเรื่องที่ตลกดีนะครับ มัวแต่คิดในเชิง "จับผิด" เชิง "ป้องกัน" จนกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ๆ ขึ้นมาแทน ซึ่งก็ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ อยู่ที่ว่าแต่ละกรณีจะหักล้างโต้แย้ง หรือ รอมชอมกันอย่างไร แต่แนวโน้มที่น่าจะเป็น ก็คง หาระบบมาตรฐานอะไรสักอย่างมาอ้างอิง

ซึ่งก็จะเป็นเกมของคนที่กำหนดกติกา ว่าจะกำหนดให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบยังไงกันมากกว่า

เหล่าผู้บริโภค หรือ คนที่ต้องซื้อเทคโนโลยีมาใช้ ก็ก้มหน้ากันต่อไป

ถือว่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งละกันนะครับ

เรียนจากหนัง > The Scam - วิถีของความโลภ


วันหยุดยาวๆ อย่างนี้ ได้โอกาสที่จะเอาหนังที่ซื้อๆ ไว้มานั่งดู The Scam (2009) ในชื่อภาษาไทยไร้ลีลาว่า "จอมตุ๋น แก๊งค์อัจฉริยะ เจ๋งเป้ง" ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การลงทุนในตลาดหุ้น มาเฟีย และชั้นเชิงในการหักหลัง ซ้อนแผน เพื่อผลประโยชน์ของแต่ละคน ก็เป็นอีกหนึ่งหนังแนะนำ โดยเฉพาะคนที่เรียกตัวเองว่านักลงทุนครับ

นิยามของการลงทุนหุ้นตามที่รู้ๆ กันนั้น คือ "ซื้อถูก ขายแพง" เลือกซื้อบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง มีการบริหารที่มีธรรมาภิบาล (คำเท่ๆ อีกคำที่จะหายไปในไม่ช้า) ฯลฯ ตามแต่จะว่ากันไป เพื่อดึงดูดให้มด แมลง แมงเม่าทั้งหลาย นำเงินที่เก็บออมมาลงทุนในบ่อนถูกกฏหมายระดับชาติแห่งนี้

หนังโฟกัสไปที่ตัวแทนชนชั้นกลาง ฮอนซู (Kang Hyeon-soo) ผู้ซึ่งหมดตัวกับหุ้นยุคดอตคอม ทำให้เขาต้องเรียนรู้และทุ่มเทกับการเล่นหุ้นอย่างจริงจัง เพื่อที่จะเป็นมหาเศรษฐีให้ได้ หนังเล่นสัญลักษณ์ไปที่รถยุโรปหรูๆ ซึ่งแสดงถึงความร่ำรวยเป็นเป้าหมายของเขา

วันหนึ่งโชคก็เป็นของเขา จากความรู้และการวิเคราะห์ด้านเทคนิคที่ฝึกฝนมากว่า 5 ปี เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาได้เงินก้อนใหญ่ในที่สุด แต่สิ่งที่ตามมาคือ มด (ไม่ยักเรียกแมงเม่าเหมือนคนไทย) อย่างเขาได้ไปขวางแผนของมาเฟีย ฮวาง จองกู (Hwang Jong-goo) ที่กำลังจะปั่นราคาหุ้นตัวนี้ ให้สะดุดลง ด้วยการแพร่ข่าวการวิเคราะห์ของเขาไปยังเพื่อน และอย่างที่หนังว่า "อย่าบอกใครนะ" เป็นเชื้อไฟชั้นดีที่ทำให้ข่าวต่างๆ แพร่หลายได้เร็วที่สุด

ดังนั้น ฮอนซู จึงเข้ามาเป็นหมากตัวหนึ่งของ จองกู และเพื่อนๆ ที่ประกอบด้วย เจ้าของบริษัทที่จะปั่นราคา, โบรกเกอร์ขาใหญ่, นักวิเคราะห์ทางทีวี, ผู้จัดการกองทุน และ สาวสวยที่ปรึกษาการเงินส่วนตัวนักการเมือง โดยที่จะทำการปั่นราคาแล้วเมื่อถึงจุดที่ต้องการก็ขายซะ โดยที่ไม่ต้องสนใจปัจจัยอะไรต่างๆ เกริ่นไว้ข้างต้นเลย เราจะเห็นว่า ความสัมพันธ์, ข้อมูลที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ และความเชื่อของคน นั้นต่างหากครับ ที่จะทำให้ราคาหุ้นมันวิ่งขึ้นไป

ถ้าทุกคนเคารพในสิ่งที่ตกลงกันไว้ หนังเรื่องนี้คงจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ "ความโลภ" ทำให้ไปไกลกว่านั้น การหักหลัง การซ้อนแผน และการแก้เกมถูกงัดมาใช้จากตัวละครทุกคน ตามแต่ที่จะถนัด ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง เล่ห์ ราคะ หรือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งสุดท้าย คนที่จะรอดจากหายนะมาได้ คือคนที่ยอมรับว่า "พอ" แล้วเท่านั้น

นอกจากเราจะเรียนรู้ได้ว่า การลงทุนในตลาดไม่ใช่การเสี่ยงดวง ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ แล้ว หนังยังย้อนกลับไปที่พื้นฐานการลงทุนที่ถูกต้อง คือการเลือกบริษัทที่ดี สามารถทำรายได้ให้เราในระยะยาว หรือที่เราเรียกกันว่า Value Investor ซึ่งมีตัวอย่างบุคคลมากมาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นต้นครับ

มุมสุดท้ายที่สังเกตเห็นคือ ความเชื่อถือ หรือ เครดิต ครับ ที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะในโลกที่ท่วมท้นไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และเวลาที่จะศึกษาอะไรต่อมิอะไรน้อยลงไป เราอาจจะจำเป็นต้องฝากชีวิตไว้กับคนที่ท่านเชื่อถือได้นะครับ ซึ่งไม่ใช่ว่า ความดีของเขาในอดีต จะเป็นตัวรับประกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะครับ ดังนั้นก็ขอให้พิจารณาให้ถ้วนถี่ด้วย

ก็หวังว่า ถ้าหากท่านใดคิดจะเข้าสู่โลกของการลงทุน หนังเรื่องนี้คงจะมีประโยชน์กับทุกท่านบ้างนะครับ

*******************************
หมายเหตุ
คงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ผมมาดูหนังเรื่องนี้ในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของพระเอก ปาร์ค ยองฮา ในบทฮอนซู ครับ แต่ว่า ยองฮาเอง ได้ฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอไปตั้งแต่ 30 มิถุนา ปีที่แล้ว ก็น่าเสียดายดารา นักร้องฝีมือดีๆ อีกคนในวงการครับ (อ้างอิง http://movie.mthai.com/movie-news/68153.html)