
มองจากปัญหาเรื่องน้ำท่วม หลายคนก็พูดถึงการบริหารจัดการระบบชลประทาน บ้างก็พูดถึงต้นตอของปัญหา ที่ไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า (ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว) แต่มาจากการ "วางผังเมือง" ที่ไม่ถูกต้อง สร้างถนน สร้างเมืองไปขวางทางน้ำไหล ให้เป็นเขื่อนย่อยๆ ยังไงๆ มันก็ต้องท่วมอยู่ดี
เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกับชีวิตของชาวบ้านทั้งหมด แต่จะว่าไป ก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่เหล่านี้นะครับ เพราะอีกบทบาทหนึ่ง พวกเขาและครอบครัวก็ย่อมต้องได้รับผลกระทบบ้าง ไม่มากก็น้อย
ผมมองไปถึงการกำหนด "หน้าที่" ความรับผิดชอบ หรือ การตั้งโจทย์ในการทำงานมากกว่าที่น่าจะสร้างปัญหา
มันไม่ผิดหรอกครับ ที่กำหนดให้กรมชลประทานดูแลเรื่องน้ำ กรมทางหลวงชนบทดูแลเรื่องถนนหนทาง กรมที่ดินดูแลเรื่องการออกโฉนดสร้างบ้าน และกรมอื่นๆ อีกมากมายที่มีส่วนในชีวิตพวกเรา ซึ่งการกำหนดหน้าที่แยกตามงานเป็นส่วนๆ นั้น มันก็เป็นเรื่องที่อธิบายง่าย และชัดเจน แต่ในชีวิตจริงแล้ว สิ่งต่างๆ มันไม่สามารถแบ่งแยกชี้ขาว ชี้ดำได้เหมือนหลักการที่ว่ากัน
ดังนั้น เมื่อวิกฤตใหญ่ๆ เกิดขึ้นมา จึงเป็นบททดสอบที่ท้าทาย สำหรับคนที่เป็นหัวหน้า ของผู้ว่าฯ ของพ่อเมือง ที่จะทำการดูแล ประสานงานส่วนต่างๆ ให้เกิดความร่วมมือให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ทุกคนยอมรับ และเข้าใจภาพรวมที่จะต้องเป็นไป ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัดและวิกฤตสุดๆ
ตัวอย่างนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะตอนน้ำท่วมหรอกครับ สำหรับคนทำงานแล้ว ผมเชื่อว่าในออฟฟิศของทุกคนก็ต้องเจอแบบนี้ ที่ต่างคนต่างทำงานของตน ไม่สนใจถึงผลกระทบต่อคนอื่นๆ พวกฝรั่งจึงเอามาเทศนาพวกเราไงครับ ว่าต้องสนใจผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ทุกคนด้วย
มองลึกไปอีกชั้น ย้อนไปถึงการจัดการศึกษาในบ้านเราครับ เราแยกคณะ แยกหลักสูตร ให้นักศึกษาได้เรียนแต่ละสาขา จนบางครั้งลึกมากไปจนลืมความสำคัญของศาสตร์สาขาอื่นๆ เราไม่ได้ดำรงชีวิตด้วยเรื่องที่เราเรียนมาอย่างเดียว ในบางครั้งก็ต้องเข้าใจ หรือเรียนรู้ศาสตร์อื่นๆ บ้าง เอาง่ายๆ เรื่องการเงิน เรื่องกฏหมาย เรื่องอาหารการกิน ไม่ใช่แค่ปัญหาของ นักบัญชี ทนาย หรือ พ่อครัวเท่านั้น
มันควรเป็นสิ่งที่ทุกคน "ต้องรู้" นะครับ
อีกตัวอย่างนึง ที่เกี่ยวข้องกับงานของผม การสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ สักแห่ง เราเคยคุยกันว่า มันต้องมีศาสตร์ทางวิศวกรรมสาขาใดบ้าง คำตอบที่ได้ไม่ต้องแปลกใจไป มีทั้งโยธา ไฟฟ้า เครื่องกล ไอที ฯลฯ แทบจะทุกสาขาเลยนะครับ ที่ต้องรู้ต้องเกี่ยวข้อง
แล้วเจ้าของบริษัทที่ไหนมันจะจ้างคนทีละเป็นสิบๆ คนอย่างนี้ละครับ เขาก็ต้องเลือกคนที่รู้ได้ "เยอะ" ที่สุด (เท่าที่จะเป็นไปได้) ซึ่งก็ไม่ได้หากันง่ายๆ เลย
ครับ ถ้าผู้รับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศ หรือของโลก ได้มีโอกาสหลงทางมาเจอบทความบ่นบ้าอันนี้บ้าง ผมก็ขอฝากไว้กับพวกท่านๆ ทั้งหลายด้วย
ถ้าเห็นแต่ "ต้นไม้" แต่ไม่รู้สึกถึง "ป่า" ก็น่าเสียดายสำหรับความงดงามและมหัศจรรย์ของธรรมชาติหรอกครับ