ในประเทศไทย เรื่องของคลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) มีการพูดถึงมาสัก
2-3 ปีแล้วครับ แรกๆ ก็จะเป็นที่งงงงกันว่ามันคืออะไร ยังไง แต่ตอนนี้ หลายๆ หน่วยงาน
ก็เริ่มที่จะทำความเข้าใจและโปรโมทแบบรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่นับว่าก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วครับ
ล่าสุดอ่านบทความเรื่อง Cloud Computing Simply Isn't That Scary Anymore: Survey โดยนาย Joe McKendrick จากนิตยสาร Forbes ที่บริษัท North Bridge Venture Partnersได้
สำรวจ CIO จำนวน 785 บริษัท ในเรื่องของ คลาวด์ คอมพิวติ้ง ซึ่งในบทความนี้จะทำให้เราเห็นมุมมองของคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคลาวด์
ว่าเขาคิดเห็นกันอย่างไร เพื่อจะได้รับมือในส่วนของพวกเราครับ
ภาพรวมของการใช้งานคลาวด์ พบว่า เหล่า CIO (Chief Information Officer) ทั้งหลายเิิริ่มเข้าใจและกล้าที่จะใช้งาน Cloud Computing มากขึ้น ถึง 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งแนวโน้มในการใช้งานแพร่หลายไปในส่วนของโปรแกรม Application ต่างๆ ผ่านระบบคลาวด์ มากขึ้น หรือที่เรียกกันทางเทคนิคว่า SaaS (Software as a Service) คือ คุณไม่จำเป็นต้องซื้อโปรแกรมไปลง เพียงแต่ ล็อกอิน เข้ามาใช้ (จากที่ไหนก็ได้ ขอให้ต่อเน็ตได้เป็นพอ) แล้วก็จ่ายเงินตามการใช้งานจริง ซึ่งปัจจุบัน ก็จะเป็นโปรแกรมพวก CRM (Customer Relationship Management), การบริหารงานขายทั้งหลาย, เกมออนไลน์, ซอร์ฟแวร์เอกสารต่างๆ ในออฟฟิศ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 80% ของปริมาณโปรแกรมในท้องตลาดทั้งหมด
เหตุผลหลักๆ ที่ลงคะแนนให้มากกว่า 50 % ในการเปลี่ยนมาใช้งานคลาวด์มากขึ้นคือ การเพิ่มหรือลดจำนวนผู้ใช้งาน (Scalability) นั้นทำได้ง่าย และ ยืดหยุ่น (Flexibility) กว่าการซื้อโปรแกรมแล้วมาลงทีละเครื่องๆ เหมือนเมื่อก่อน ซึ่งง่ายในการควบคุมค่าใช้จ่ายต่อหน่วยที่ใช้งานและสะดวกกว่าเดิมมาก
ที่น่าแปลกคือ พอถามถึงความคุ้มค่าในภาพรวม (Total Cost of Ownership) ของการลงทุน ปรากฏว่าจำนวนผู้ที่คิดว่ามันคุ้มค่าในการเปลี่ยนจากการลงทุนซื้อซอฟแวร์ และ ฮาร์ดแวร์ มาเป็นการใช้งานผ่านคลาวด์นั้น กลับมีจำนวนลดลง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะค่าใช้จ่ายต่อเดือน ต่อผู้ใช้งาน เมื่อคำนวณในระยะยาวแล้วอาจจะไม่ต่างกันมากสักเท่าไร
แต่เหตุผลที่เปลี่ยนไปใช้คลาวด์เพื่อเป็นการประหยัดการลงทุน อาจจะไม่ใช่เหตุผลหลักที่ CIO ทั้งหลายควรคำนึงถึง แต่แท้จริงแล้ว การตอบสนองความต้องการของธุรกิจ ความเร็วในการปรับใช้ และประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าที่ควรเป็นหัวข้อในการเลือกใช้คลาวด์
อีกแนวโน้มหนึ่งที่จะทำให้การใช้คลาวด์เป็นที่นิยม ซึ่ง 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นพ้องต้องกันคือ งานที่ต้องมีการประมวลผลจำนวนมาก และงานที่ต้องมีการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน แต่ละบริษัทอาจจะต้องทบทวนตัวเลขการลงทุนเทียบกับปริมาณงานที่บริษัทคุณมี ในจุดนี้บริการคลาวด์ที่จ่ายต่อครั้งน่าจะถูกและคุ้มค่ากว่าการลงทุนเองครับ
ฟังดูเหมือนจะดี แล้วสิ่งที่เหล่า CIO ทั้งหลาย นั้นกังวลเรื่องอะไรกันบ้าง
อย่างแรกที่ยังเป็นเหตุผลที่มาเป็นอันดับ 1 ตลอด คือเรื่องของ "ความปลอดภัย" (55%) ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จัดได้ว่าอ่อนไหว เพราะข้อมูลความลับของเราไปอยู่้ตรงไหนอย่างไรก็ไม่รู้ ทางผู้ให้บริการก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น
รองลงมา (38%) เป็นเรื่องของกฏระเบียบ ข้อกฏหมายต่างๆ ที่มักจะตามเทคโนโลยีไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิการเป็นเจ้าของ การรับผิดชอบ จริงๆ ไม่เกี่ยวกับทางเทคนิคเท่าไร ตรงนี้น่าจะเถียงกันอีกนานครับ
รองลงมา (38%) เป็นเรื่องของกฏระเบียบ ข้อกฏหมายต่างๆ ที่มักจะตามเทคโนโลยีไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิการเป็นเจ้าของ การรับผิดชอบ จริงๆ ไม่เกี่ยวกับทางเทคนิคเท่าไร ตรงนี้น่าจะเถียงกันอีกนานครับ
และถัดมา (32%) เป็นความกังวลในเรื่องของผู้ให้บริการครับ ว่าจะมีความน่าเชื่อถือ ของทั้งบริษัท หรือ ของระบบโครงสร้างต่างๆ ที่มารองรับแค่ไหน ทั้งระบบ Infrastructure, Platform, Security ต่างๆ
แต่อย่างไรท้ายที่สุดแล้ว Joe ก็บอกว่า การใช้งานโปรแกรมต่างๆ ผ่านคลาวด์จะแพร่หลายไปเรื่อย จนกระทั่งวันหนึ่งคลาวด์จะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือน่ากลัวอีกต่อไป
แล้วในส่วนของคนไทยนั้น วันนี้เรามีคนเข้าใจเรื่องคลาวด์มากขึ้น หลายๆ คนที่ยังไม่เข้าใจแต่ก็หารู้ไม่ว่าตนเองก็ใช้บริการคลาวด์อยู่เช่นเดียวกันไม่มากก็น้อย (บริการอีเมล์ต่างๆ, facebook, google, game online) ซึ่งส่วนที่หน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทย ต้องเร่งรีบพัฒนาก็คงจะไม่ต่างกับสิ่งที่ CIO 785 บริษัทนั้นกังวลเช่นกันครับ ประเด็นคือ แล้วใครจะเป็นเจ้าภาพ ภาครัฐที่เชื่องช้า หรือ เอกชนที่มีข้อสงสัยในเรื่องความเป็นกลางและผลประโยชน์
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ผู้ใช้งานตาดำๆ อย่างเราก็คงต้องทำใจละครับ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ผู้ใช้งานตาดำๆ อย่างเราก็คงต้องทำใจละครับ
อ้างอิง: http://www.forbes.com/sites/joemckendrick/2012/06/20/cloud-computing-simply-isnt-that-scary-anymore-survey/