March 3, 2011

มองมุมเหม่ง > ลูกค้าคือ... (Customer is....)


ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเจอปัญหากับบีบี (Bold 9000 - อายุปีกว่าๆ แต่สาวๆ แซวว่า "พิพิธภัณฑ์") ทั้งในเรื่องของสัญญาณขาดหาย ซึ่งไม่ว่ากัน เพราะมักจะเป็นกันทุกเจ้า เวลามีโปรโมชันแรงๆ ออกมาแล้ว ช่องสัญญาณไม่ได้เพิ่มตามกำลังโปรโมชัน ทำให้บางทีคุยๆ ไปถ้าสายไม่พัน ก็หายสายหลุดไปเฉยๆ

แต่ที่ยุ่งไปกว่านั้น กับการจัดการ Contact หรือรายชื่อเบอร์โทร มือถือยี่ห้ออื่นๆ จะมีเมนูง่ายๆ มาให้ใช้ แต่บีบีรุ่นนี้จะต้องเลือกทีละรายการ โอ้..พระเจ้า ครับ แค่ถ่ายเบอร์ลงเครื่องก็นั่งกดกันจนเหงื่อเยิ้มปุ่มกันไปข้างนึง หลังจากนั้นแล้ว เวลาคนที่อยู่ใน Contact โทรมา บางทีชื่อก็ไม่โชว์ โธ่!! ก็ใครจะไปจำได้ละครับ เบอร์สำคัญๆ พ่อตาแม่ยาย ลืมรับไปบ้าง ก็งอนงอดกันไป อันนี้ก็ขอบ่นในฐานะคนใช้บีบี ว่ามันไม่ User Friendly เลย แต่จะไปใช้ยี่ห้ออื่น มันก็ไม่เอื้อกับงานที่ต้องทำอยู่

อืม แต่ไหนๆ เราก็เป็น เซเรเหนด แล้ว (แบบโกล์ดด้วย) ลองโทรไปถามสาเหตุหน่อย กดเบอร์เฉพาะสำหรับเหล่าสาวก เซเรฯ ทันที (1148 เผื่อใครจำไม่ได้)

2 นาทีผ่านไป กับโฆษณาชวนโหลดริงโทนหลากหลาย สลับกับข้อความประมาณว่า "พนักงานยังไม่ว่างนะค๊าาา" ก็ฟังเพลงฟรีแบบหนวกหูกันอีกครั้ง

5 นาทีผ่านไป กับเนื้อหาเหมือนย่อหน้าข้างบน จะถามอะไรบ้างก็ลืมไปแล้ว เพราะคนข้างๆ ดันหันมาถามว่า "เออ ใช้มือถือโทรเบอร์นี้เนี่ย โทรฟรี เหรอ" เพราะเจ้าตัวเองเป็นสาวกใบพัดสีฟ้า ที่กำลังจะเปลี่ยนใจย้ายสังกัด

"ไม่รู้ดิ คิดว่าฟรีนะ เพราะเราเป็นเซเรเหนดนี่นา" แต่น้ำเสียงไม่หลั่ลล้าเหมือนเดิม

ไม่รอให้ถึง 8 นาที เซเรเหนดที่กำลังเซเรเหนื่อย ก็ได้รับเสียงใสๆ อ้อนนิดๆ ... มีอะไรให้ดูแลค๊าาา ซึ่งเกือบนึกไปว่ากำลังรอคิวโอนเงินให้แม่ ก็เลยถามคำถามแรกก่อน

"เออ เบอร์นี้ โทรฟรีหรือเปล่าครับ" คิดในใจ ฟรี! ฟรีแน่นอน! ตูคือ เซเรเหนด แบบโกล์ด นะเว้ย

"อ๋อ คะ ไม่ฟรีค่ะ คิดตามโปรโมชันของลูกค้าค่ะ" โอ้ว สลบตั้งแต่ประโยคแรก

"อ้าว เห็นเป็นเซเรเหนด ผมก็นึกว่าฟรีนะเนี่ย แหม รอตั้งนาน โหลดริงโทนไป 3 เพลงแล้วนะครับ" จะโม้ไปว่า 5 เพลงก็เกินไป ไอ้เรามันโปรฯ แบบถูกสุดๆ ด้วย

แต่สิ่งที่เธอตอบสวนกลับมาทันที ช่างชื่นฉ่ำเกินฝนต้นฤดู

"อืม ถ้าอย่างงั้น เราเพื่อเป็นการชดเชยการเสียเวลาของคุณนะคะ เราขอมอบ Recovery Program สำหรับลูกค้า โดยเป็นค่าโทรที่เพิ่มให้ ในรอบบิลถัดไปนะคะ...บลา บลา.." ประมาณนี้แหละครับ จำไม่ได้หมด เพราะตกใจกับการตั้งรับแบบนี้

หลังจากนั้น ก็คุยกันตามมารยาท ตามรูปแบบกันอีกเล็กน้อย แล้วผมก็วางสายอย่างงงงง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จะว่าหงุดหงิดที่รอนานก็ไม่ใช่ จะว่าดีใจที่ได้เวลาโทรเพิ่มก็ไม่ใช่ประเด็น โกรธก็โกรธไม่ลง แต่ก็สงสัยแค่ว่า สิทธิพิเศษนี้ แจกให้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่า หรือต้องเสียจริตโวยวายกันก่อน ถึงจะได้เพื่อเป็นการดับเพลิงโทสะจากทางลูกค้า

อีกมุมหนึ่งคือ มันเป็นการแก้ปัญหาหรือไม่ แท้จริงก็คือจำนวนพนักงานที่ไม่พอรองรับกับลูกค้า การชดเชยแบบนี้น่าจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ระยะยาวไม่น่าจะใช่

ข้อมูลเพิ่มเติมจากสาวกใบพัดฟ้าบอกว่า บางทีถ้าเรารอนาน แล้ววางสายลงไป ทางลูกค้าสัมพันธ์จะโทรกลับมาหาเราเอง ผมว่าวิธีนี้น่าชื่นใจกว่า

แต่ก็ต้องมองด้วยว่า มีจำนวนโทรไม่ใช่น้อยที่เป็นการโทรแบบไร้สาระ จีบสาว Call Center ไปตามเรื่อง หรือแม้กระทั่งโรคจิตก็ตาม การตั้งค่าบริการก็เป็นการกรองอย่างหนึ่ง

สุดท้ายนี้ ก็เป็นการแชร์ประสบการณ์กัน เพราะบางท่านอาจจะนำไปใช้เพื่อได้เวลาโทรเพิ่มก็ได้ หรืออ่านเอาเพลินก็ไหว แต่อย่างไรแล้วเราก็คงต้องวนเวียนกับผู้ให้บริการเหล่านี้กันต่อไป

February 28, 2011

มองมุมเหม่ง > โตมากับการ์ตูน (ตอนแรก) (Manga Manga!!)

ผู้ใหญ่ว่าไม่ใช่
การ์ตูนไร้สาระเกินไป
แล้วได้อ่านหรือยัง

*******************************************
มีคนเยอะแยะที่พูดถึง "การ์ตูนในดวงใจ" ครั้นผมจะจัดอันดับบ้าง จำนวนเรื่องที่อยู่ในดวงใจมันก็มากเกินพื้นที่หัวใจดวงน้อยๆ จึงขอพูดถึงการ์ตูนในแต่ละเรื่องที่ประทับใจ มีผลต่อความคิด ความอ่านให้ฟังกันบ้าง เผื่อจะเป็นแลกเปลี่ยนความเห็น ต่อยอดมุมมองยิ่งขึ้นไป

ต้องยอมรับว่าผู้ใหญ่สมัยนี้เปิดกว้างกับการ์ตูนมากกว่าเดิม ตอนนั้น การอ่านการ์ตูนถือเป็นความผิดประการหนึ่ง จำได้ว่าเคยถูกตีตอนซื้อการ์ตูนเรื่องโปรดกลับมาบ้าน แม้น้ำตาเล็ดเป็นเผาเต่าก็ไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกว่า มันมอมเมาไม่มีประโยชน์ ซึ่งวันนี้ที่เราเป็นผู้ใหญ่แล้วก็พอจะเข้าใจได้ว่า ไม่สามารถเหมารวมการ์ตูนทุกเรื่องได้อย่างนั้น

เรื่อง Dr. Kumahige หรือแปลตามตัวว่า "คุณหมอเคราหมี" (แต่ภาษาไทยให้ชื่อว่า "คุณหมอยอดนักสู้" ดูตื่นเต้นและตลกกว่า เพราะตอนนั้นนึกว่าเป็นหมอแล้วต้องไปต่อยคนด้วย (ซึ่งภายหลังก็มีจริงๆ เรื่อง Dr. K ไงครับ)) ทั้งหมดมี 5 เล่ม เป็นผลงานร่วมของ Fumimura Sho (หรือ Buronson ผู้โ่ด่งดังจากเรื่อง "หมัดดาวเหนือ") งานภาพโดย Nagayasu Takumi (เจ้าของลายเส้นเรื่อง "ไอ กับ มาโกโต้" (ความรัก และความซื่อสัตย์ - โคตรเน่า แต่ชอบทั้งชื่อทั้งเรื่องนี้มาก) หรือใหม่หน่อยก็ Mother Sarah ที่เป็นจินตนการเกี่ยวกับแม่ที่ตามหาลูกๆ ในโลกหลังสงครามนิวเคลียร์)

ผมคิดถึงคุณหมอ Kokubu ก็เมื่อตอนที่ผมต้องกลับเข้าไปนอนดื่มน้ำเกลือทางแขนเล่นอีกครั้ง คุณหมอเป็นคนตัวใหญ่ หนวดเครารุงรัง ทั้งเหล้าบุหรี่มีครบ ทำงานอยู่ในคลีนิคเล็กๆ ย่านชินจูกุ

ซึ่งไม่รู้ว่าโลกยุค 3G ตอนนี้ เราจะหลงเหลือคนอย่างคุณหมออยู่กี่คน คนแบบที่บ้างาน คิดถึงแต่ชีวิตคนไข้ กล้าีที่จะยอมรับและเปลี่ยนความคิดเมื่อรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง กล้าที่จะแหกขนบต่างๆ เพื่อให้คนไข้ปลอดภัย หรือร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง เมื่อตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือคนไข้ให้รอดชีวิตตามที่ตั้งใจ

เราจะค่อยๆ ประทับใจคุณหมอไปพร้อมๆ กับสังคม ผู้คนญี่ปุ่นในยุค 70-80 อย่างไม่รู้ตัว ทั้งชาวบ้านธรรมดา พ่อค้า ยากูซ่า และผู้หญิงกลางคืน ที่มีชีิวิตมาข้องเี่กี่ยวกัน ทุกๆ คนต่างมีจุดหมาย และเจตนาของตัวเอง ไม่มีใครที่ตั้งใจเลวมาตั้งแต่เกิด หรืออยากเป็นคนดีตัวเหลืองอร่ามตลอดเวลา ทุกคนมีเวลาที่มืด หรือยามสว่าง เหมือนกับงานภาพในการ์ตูนเรื่องนี้ที่เน้นแสงและเงากันอย่างจัดจ้าน เข้มข้น ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างชัดเจน

ยามเด็ก นอกเหนือจากความน่าหลงใหลของลายเส้น หรือความสนุกของเนื้อหา ผมไม่ได้คิดอย่างอื่นมากไปกว่านี้ แต่เมื่อหวนคิดถึงเรื่องของคุณหมอ "เคราหมี" นี้เมื่อไร ผมพบว่า ความรับผิดชอบ การกล้าตัดสินใจ และการเข้าใจยอมรับในตัวของคนอื่นๆ นั้น เป็นเรื่องที่สังคมเราวันนี้เริ่มจะขาดแคลนไปแล้วเช่นกัน

February 27, 2011

เป็นเรื่อง > แค่เพียงกลับคืน ?? (Memory)


แด่ คนที่ "อยากจำ" กลับ "ลืม"


*******************************************

ดาวมักจะเห็นสามีภรรยาคู่นี้ทุำกครั้งที่เธอกลับมาที่บ้าน ทั้งสองย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมๆ กับบ้านของเธอ ในวัยราวๆ หกสิบ ชอบมาเดินเล่นรอบทะเลสาบในหมู่บ้านตอนเย็นๆ เป็นประจำ แปลกที่มีคนตั้งเยอะที่มาพักผ่อนพร้อมๆ กันในเวลานี้ แต่คู่รักคู่นี้ก็ดึงดูดความสนใจของนักเรียนแพทย์ปี 1 อย่างเธอได้ ด้วยอาการถ้อยทีถ้อยอาศัย คุยกันอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวของเธอเองยิ่งนัก

จริงๆ แล้วครอบครัวดาวเองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไร ถ้าเทียบกับข่้าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็แค่พ่อเธอเป็นคนที่ "บ้างาน" และแม่เองก็เป็นแม่บ้านที่ต้องการ "ความสนใจ" มากเป็นพิเศษเท่านั้น แต่อย่างน้อยผลลัพธ์ที่ยอมรับได้ ก็ทำให้ดาวสบายกว่าเพื่อนๆ ที่ต้องทำงานพิเศษเพื่อเป็นค่าใช้่จ่ายในการเรียน แม้ว่าจะต้องทนเสียงบ่น เสียงทะเลาะของพ่อแม่ในบางครั้งก็ตาม

หลังจากที่ไม่ได้กลับมาเกือบสองเดือน เพราะต้องเต็มที่กับการสอบปลายภาค เย็นวันนี้ เธอมานั่งหย่อนอารมณ์กับแม่ของเธอ มองไปรอบๆ รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันแปลกไป

"แม่ๆ นั่นใช่ป้้าพรใจที่อยู่ซอยถัดจากเราไปหรือเปล่านะ ทำไมดูซึมๆ ไป ตะก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย"

"อ้อ คู่คุณสมหวังกับคุณพรใจเหรอ เออ แม่ลืมเล่าไปน่ะ สองเดือนก่อน หลังจากเรากลับไปมหาลัย ป้าแกโดนรถชน โชคดีที่ไม่ตาย แต่โชคร้ายสมองกระเทือนจนความจำเสื่อมไปเลย"

*******************************************

หลายเดือนต่อมา ดาวปรากฏตัวที่บ้านก่อนกำหนดต่างจากเช่นเคย แม่แสดงความแปลกใจ

"เป็นไรลูก เพิ่งกลับหอไปเมื่อวานซืนเองไม่ใช่เหรอ มีอะไรหรือเปล่าลูก" ประโยคหลังซ้ำเมื่อเห็นลูกตาแดงๆ ยังเดินไม่ทันถึงตัว ดาวก็ปล่อยโฮถึงอุบัติเหตุความรักกับแฟนหนุ่มที่เรียนด้วยกัน

แม่ได้แต่ปลอบโยนให้สบายใจ แต่ก็อดแอบที่จะขำไม่ได้กับความรักปัปปี้เลิฟของลูกสาว

"อืม ไปเดินเล่นก่อนละกัน แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะไปเรียกนะ เอาน่ะ ไม่เป็นไร อาจจะเข้าใจผิดกันก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวแล้วค่อยคุย"

*******************************************

ทิวทัศน์ก็เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ดาวพยายามดูโน่นดูนี่ หวังว่าจะสบายใจขึ้น เห็นลุงสมหวังเดินประคองป้า
พรใจมาช้าๆ สีหน้าของป้ายังดูงงๆ หวาดๆ

"ขอลุงกับป้านั่งด้วยคนนะ ทางโน้นเด็กๆ เยอะ เสียงดังไปหน่อย"

"ตามสบายค่ะ คุณลุง เอ่อ หนูได้ข่าวว่าคุณป้าประสบอุบัติเหตุ แล้วตอนนี้อาการคุณป้าดีขึ้นหรือยังคุ่ะ"

เหมือนเป็นคำถามกระทบใจ แต่ดีที่เจ้าตัวเริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลง ลุงสมหวังถอนหายใจ ป้านั่งมองทั้งสองคุยกันแต่สายตาไม่รับรู้ใดๆ

"อืม ก็ดีขึ้่นเยอะแล้วล่ะนะ แต่ส่วนของสมองนี่จะหนักหน่อย ยังจำอะไรไม่ได้นี่สิ ต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด"

"แล้วลุงจะทำยังไงต่อเหรอค่ะ"

"ตอนนี้ลุงก็ออกจากงานมาดูแลป้าเขาเต็มที่ หมอบอกว่ายังมีสมองบางส่วนที่ใช้งานได้ ถ้าบำรุงรักษาดีๆ ก็มีสิทธิ์ที่ความทรงจำจะกลับมาได้บ้าง" หางเสียงของลุงเหมือนไม่มั่นใจในสิ่งที่แกพูดออกมาจริงๆ

"ก็ยังดีนะคะ" เธอไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีกว่านี้เลยจริงๆ

ลุงสมหวังยิ้มเหมือนขอบใจ

"ต่อให้ได้เงินชดเชยมาเท่าไร ก็ซื้อความทรงจำของเราสองคนกลับมาไม่ได้หรอก"


*******************************************

สองสามวันต่อมา ดาวมาเจอคู่สามีภรรยาโดยบังเอิญอีกครั้ง เวลาเดิม สถานที่เิดิม

"สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า วันนี้อากาศดีนะคะ"

"ดีนะที่ตอนบ่ายฝนตก ลุงเลยพาป้าเขามานั่งอ่านไดอารี่ให้ฟังนะ"

"หา ไดอารี่??"

"หึ หึ อย่าขำลุงกับป้าละกัน สมัยก่อนตอนจีบกัน
เราสองคนก็เขียนไดอารีแลกกันอ่านด้วย โชคดีที่ยังเก็บไว้ ลุงเลยเอามาอ่านให้ป้าเขาฟัง เผื่อเขาจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง"

ดาวยิ้มให้กับความน่ารักของทั้่งสองคน แต่แวบหนึ่งที่หวนคิดถึงตัวเอง ความคิด คำถามบางอย่างวาบขึ้นมา เธอแยกตัวไปหาอะไรดื่มแต่ไม่วายซื้อน้ำมาฝากทั้งสองคนด้วย

"ขอโทษค่ะ เห็นคุณลุงอ่านหนังสือตั้งเยอะ กลัวจะหิวน้ำ หนูซื้อชาร้อนมาฝากค่ะ"

ชายชราหัวเราะ พร้อมแบ่งคุกกี้ที่เตรียมมาให้เธอทานเป็นการตอบแทน

"หนูขออนุญาตถามอะไรคุณลุงหน่อยได้ไหมคะ" ชายชรายิ้ม

"คือหลังจากวันนั้นที่เราคุยกัน หนูเลยไปค้นเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบทางสมองกับความทรงจำ ก็อย่างที่คุณหมอแกว่าละ ว่าคุณป้ามีโอกาสที่จะหาย แต่คุณลุงก็ทราบใช่ไหมคะ ว่ามันมีเปอร์เซนต์น้อยมาก"

"แล้วถ้าสมมติว่าปาฏิหาริย์มันมีจริง ลุงจะยินดีกับความทรงจำในอดีตทุกเรื่องทีี่กลับคืนมาหรือเปล่าคะ"

"หนูกำลังพูดอะไรเนี่ย" สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ส่วนป้าทำหน้างงๆ กับสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ กำมือของคู่ชีวิตเธอเกร็งแน่นขึ้น

"ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เรื่องบางเรื่องที่เราอยากลืม หรือไม่อยากให้มันเกิดในอดีต มันก็จะกลับมา ให้เราเป็นทุกข์กับมันอีก หนูเองอายุก็ไม่เท่าไร ก็มีหลายเรื่องที่คิดว่า หากลืมไปแล้วก็ไม่อยากจะย้อนความจำได้อีกเลย"

"แต่อาการของคุณป้านั้น หนูคิดว่าถ้าดูแลดีๆ ก็คงไม่มากไปกว่านี้แล้ว ทำไมคุณลุงไม่ใช้เวลาที่เหลือสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับคุณป้าละค่ะ เพราะตอนนี้คุณลุงก็คือคนที่คุณป้าไว้ใจที่สุดแล้ว"
"เอาละ หนูยังเด็กคงยังไม่เข้าใจเราสองคนหรอก ขอบใจสำหรับน้ำชานะ ที่รักเรากลับกันเถอะ"
ชายชราลุกขึ้นประคองภรรยา เก็บของ เดินกลับไปทางบ้านของตนเองโดยไม่พูดอะไร

*******************************************
หลังจากนั้น ดาวก็ไม่เห็นสามีภรรยาคู่นี้อีกเลย จนกระทั่งหลายเดือนผ่านไป เมื่อเธอกลับถึงบ้านตามปกติ เธอก็เห็นโปสการ์ดแปลกตา จ่าหน้าถึงเูธอวางอยู่บนโต๊ะ เธอทำหน้างงๆ พ่อกับแม่ได้แต่ยิ้ม

"ทำได้ดีนะเรา" ทั้งสองหัวเราะ

ข้อความสั้นๆ ในโปสการ์ดเล่าถึง การเดินทางท่องเที่ยว "อีกครั้ง" ของลุงสมหวังและป้าพรใจ หลังจากที่หมอยืนยันแล้่วว่าอาการอื่นๆ นั้นเป็นปกติแล้ว ลุงก็เลยนำเงินที่เหลือไปเที่ยวที่ต่างๆ ตามที่ทั้งสองได้เคยฝันไว้เมื่อวัยหนุ่มสาว รูปที่ถ่ายมานั้น ป้ายิ้มแย้มหอมแก้มลุง เหมือนภาพในอดีตที่เธอเคยเห็น