*********************************
"พี่เหม่งจะบวช ???" คนที่ได้ยินเกินครึ่งที่ตกใจ ครึ่งของที่เหลือหัวเราะขำๆ ครึ่งหลังจากครึ่งของที่เหลือทำหน้างงงง เหมือนท่านผู้อ่านในตอนนี้ที่เวีียนหัวกับสำนวนการเขียนของผม
ครับ ไม่ต้องแปลกใจไป แก่ (เลยวัยที่จะเรียกว่าโตไปแล้ว) จนปูนนี้ เพิ่งมาคิดเรื่อง "บวช" ในวาระมงคลวันมาฆบูชาที่มาถึง บทความชุดนี้ (มีหลายตอน) ก็ขอว่ากันถึงเรื่องศาสนาในมุมมองของเหม่งนะครับ
สารภาพตามตรง สมัยเด็กๆ ผมไม่ค่อยศรัทธากับแก้วดวงที่ ๓ ในพระรัตนตรัยเท่าไร (พระสงฆ์ - นั่นแหละ ไม่รู้จะเขียนให้งงอีกทำไม) อาจจะเป็นเพราะโลกที่มองยังไม่กว้าง แถมยังไปเจอตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมเสียอีก แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์หลายๆ อย่างทำให้เริ่มกลับมาศึกษาเรื่องศาสนาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสอนของพระพุทธเจ้าในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต การปรับไปใช้ในการบริหารธุรกิจ และตั้งใจไว้ว่าปีนี้ (๒๕๕๔) ต้องบวชให้ได้ เพราะประเมินแล้ว ปีนี้ชีวิตทางโลกก็ลงตัวกว่าปีที่ผ่า่นๆ มา ความพร้อมและสิ่งที่ไม่คาดฝัน ถ้ามีก็น่าจะรับมือไหว และกอปรกับสถิติชีิวิต (ดวง) ที่ผ่านมา ปีนี้ก็น่าจะเป็นรอบของการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ซึ่งก็ขอให้มันเป็นเรื่องดีๆ จะดีกว่า
โชคดีที่พอเริ่มสนใจ ก็ได้คนรอบข้างเป็นกำลังใจและให้คำแนะนำ แต่ก็โชคร้ายที่ว่า เมื่อเราศึกษาหาความรู้มากๆ ขึ้น ผมกลับพบว่า ผมยิ่งสับสนและมีคำถามมากเท่าหลายทวี เริ่มจากคำถามง่ายๆ เช่น
- พระต้องมุ่งเน้นการปลีกวิเวก เพื่อทำวิปัสสนากรรมฐาน หรือว่า ต้องอยู่ร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาสังคมส่วนรวม
- การบวชแค่ครั้งเดียวในชีวิต เพียงพอแล้วหรือ ทำไมศาสนาอิสลามถึงต้องถือศีลอดทุกปี ศาสนาคริสต์ต้องเข้าโบสถ์ทุำกอาทิตย์
- เราศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า จำเป็นต้องท่องจำคำบาลี สันสกฤต ทุกคำทุกสำนวนหรือไม่ แล้วคำเหล่านั้น มันแปลว่าอะไรกันบ้าง
- โลกเราเปลี่ยนไปทุกวัน คำสอน หรือวัตรปฏิบัติ และข้อห้ามต่างๆ ต้องปรับไปด้วยหรือไม่
- พิธีกรรมต่างๆ จำเป็นหรือไม่ แค่ไหนถึงเรียกว่าเหมาะสม
ฯลฯ ไปยาลใหญ่ ไปกันใหญ่....
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมออกเดินทางไปยังวัดต่างๆ เพื่อค้นหาแนวทางที่เหมาะสมกับตนเอง หาคำตอบที่ตัวเองต้องการ ว่าตูจะบวชไปเพื่ออะไร ความมั่นใจที่เคยคิดว่ารู้มาก เพราะอ่านมากนั้น ก็เริ่มสั่นคลอน เพราะนอกจากเราไม่รู้ว่ามันใช่หรือไม่แล้ว หลักคิดบางอย่างในชีวิตทางโลกก็เอามาเป็นกรอบไม่ได้เช่นกัน
ผ่านไปหลายวัด ความชัดเจนเริ่มปรากฏ ผมไม่นิยมวัดที่เน้นวัตถุจนเกินไป วัดที่เน้นขายของ เอิกเิกริกกันครื้นเครง หรือวัดที่เคร่งเครียดเน้นกฏกติกามารยาทจนอึดอัด
สิ่งที่ผมมองหาคือ ผมต้องการที่จะฝึกฝนขัดเกลาตนเอง ด้วยวิถีของพุทธ ศึกษาหลักธรรมที่มุ่งเน้นการปรับประยุกต์ใช้ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยระยะเวลาที่จำกัด ผมคงไม่สามารถที่จะอุทิศตนเป็นพระนักพัฒนาเพื่อชุมชน หรือสังคมได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าแค่พัฒนาตนเอง เวลาแค่ ๑ เดือนที่มี ก็น่าจะพอไหว ซึ่งหลังจากนั้น เมื่อเราพัฒนาตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง มันก็น่าจะเผื่อแผ่ไปยังคนรอบๆ ได้
ยังมีอีกหลายอย่างที่ตอนนี้ ผมต้องเปิดหู เปิดใจ รับฟัง ค่อยๆ คิด พึงพินิจกันต่อไป เพราะเราเองก็ยังเป็น "คนนอก - คนดิบ" ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก ที่เหมาะสม เหมือนอย่างที่น้องชายผม ผู้ได้ผ่านการบวชเรียนแล้ว ได้แนะนำผมในฐานะว่าที่รุ่นน้องว่า "ฟังทุกสิ่ง ดูทุกอย่าง อย่าเพิ่งโต้แย้ง เก็บข้อมูลให้มาก แล้วเมื่อเราได้ปฏิบัติแล้ว ถึงตอนนั้น เราอาจจะเข้าใจได้เอง"
นี่เป็นแค่อารัมบทเกริ่นนำเท่านั้น สิ่งที่จะผ่านเข้ามาและดำเนินต่อไป คงจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง มองกันหลายๆ ด้านอีกครั้ง
กำหนดการโดยประมาณ: อุปสมบท ต้นเดือน เมษายน ๒๕๕๔ วัดอุทยาน นนทบุรี
(ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก http://www.oknation.net/blog/konhinsmile ครับ)