September 17, 2009

มองมุมเหม่ง > ตรรก หรือว่า ประสบการณ์ (Logic or Experience)


คิดได้ตามตำรา
ว่าแต่ว่าจะทำอย่างไร
ไม่ทำจะรู้ฤา
**************************************
คงเคยได้ยินการเปรียบเทียบเรื่อง “ความรู้” กับ “ประสบการณ์” มาบ้างแล้วนะครับ เรื่องราวจะเป็นว่า เด็กจบใหม่ มาเจอกับคนที่ทำงานมานาน แต่วุฒิต่ำกว่า เรียนมาน้อย แล้วก็ขัดแย้งกัน สุดท้ายเรื่องมักจะจบลงว่า ลุงผู้มีประสบการณ์เจ๋งกว่า

แต่มันไม่ใช่แค่นี้นะสิ


อย่างแรก ความรู้กับประสบการณ์ไม่เกี่ยวกับ “วัย” เท่าไร คนแก่ถ้าไม่ขยันอัพเดต ก็แย่พอๆ กับเด็กจบใหม่ที่หลงตัวเองเหมือนกัน วัยเป็นแค่ตัวชี้วัดว่าคนๆ คนนี้แก่แค่ไหน อยู่ในลำดับที่เท่าไรของทะเบียนราษฎร์ ก็เท่านั้น

ไม่เกี่ยวกับความฉลาดตรงไหนเลย

อย่างที่สอง ประสบการณ์ที่เยอะแยะ แต่ไม่สามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ ความเข้าใจแจ้งได้ ทำอะไรตาม "คอมมอนเซนส์" ก็น่าจะแพ้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา อย่างน้อยในส่วนหลังก็มีการคิดวิเคราะห์อย่างตกผลึก จากประสบการณ์หลายๆ มุมมาแล้ว

ฉะนั้นแล้ว เราควรหมั่นเติมความรู้ให้พร้อมท่าไว้ เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นๆ เป็นทางลัด และถ้ามีโอกาสเมื่อไร สามารถ “สะสม” ประสบการณ์ วิเคราะห์สรุปเป็นความรู้ของเราเอง และแนะนำผู้อื่นได้ นั่นจะเยี่ยมที่สุด

อีกมุมหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ คือ “ตรรก” ครับ อ่านผาดๆ นึกว่าเรื่องเดียวกับความรู้ แต่ไม่ใช่ครับ “ตรรก” เป็นวิธีคิดอย่างเป็นระบบ คิดเป็นเหตุเป็นผลเชื่อมโยงกัน แต่ความรู้เป็นเรื่องที่ศึกษาเอา แล้วค่อยมาย่อย มาคิดเป็นของตนเอง

แล้ว ตรรก กับ ประสบการณ์ เกี่ยวกันอย่างไร

เคยเห็นคนที่ทำงานข้ามสายงานไหมครับ จากหน่วยงานหนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง ที่ลักษณะงานต่างกัน ที่ได้ยินบ่อยๆ คือ “ผมเป็นนักบริหาร ทำงานตรงไหนก็ได้ เพราะผมมีหลักคิดการทำงานที่เข้มแข็ง...” (อ๊ะ เหมือนไม่ใช่แค่นักบริหารนะที่พูดอย่างนี้ แถวๆ รัฐสภา ก็แว่วๆ มาเหมือนกัน)

ในการคัดเลือกผู้บริหารนั้น คนที่มีวิธีคิด หรือ ตรรก ที่ดี และถูกต้องนั้น เป็นข้อดีส่วนหนึ่งที่ สามารถตั้งคำถาม เชื่อมโยงปัญหา และคาดการณ์สิ่งที่มัน “น่าจะเป็น” ได้ ผนวกกับตำแหน่งใหญ่โต ให้เด็กๆ เกรงใจ ก็จะสามารถแอบๆ หาข้อมูลมายืนยันความคิดตัวเองเพิ่มเติมได้ไม่ยาก

สุดท้ายแล้ว ดูดี แม้ว่าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็ตาม ได้ใจทั้งนาย ทั้งลูกน้อง ว่าลูกพี่เราเก่งแฮะ

แต่จริงๆ แล้วเป็นอย่างนี้ทุกกรณีหรือไม่ ไม่ใช่แน่นอนครับ งานบางอย่างมีขั้นตอนที่ซับซ้อน บางครั้งในตำรา หรือวิธีคิด ก็ไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ทั้งหมด การคาดการณ์ไปเอง อาจจะทำให้บริษัท หรือ บ้านเมืองเสียหายได้ เพราะอำนาจในการสั่งการก็อยู่ในมือเราเช่นกัน

พูดถึงตรงนี้ ก็นึกถึงพระราชดำรัสของในหลวงเรานะครับ “อย่าให้คนโง่ มีอำนาจ” (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนโง่ที่คิดว่าตัวเองไม่โง่)

ดังนั้น ผู้บริหารเอง ก็ควรจะพิจารณาด้วยนะครับ ว่างานแบบไหนที่เราควรจะลงไปรู้รายละเอียดบ้าง ให้เวลากับสิ่งตรงนี้ที่สำคัญต่อบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่เราไม่เคยรู้ หรือไม่สามารถหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อทำการบ้านให้เรา เช่น งานการเงิน การตลาด เป็นต้น

มิเช่นนั้นแล้ว ท่านอาจจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายในบริษัทของท่านก็เป็นได้

No comments:

Post a Comment