November 6, 2009

มองมุมเหม่ง > คนที่ใช่ ในที่ที่ถูกต้อง (The Right Man in The Right Place)

พญาเหยี่ยวบนฟ้า
ถ้าต้องลงมาอยู่ในน้ำ
สู้เต่าน้อยมิได้
*******************

เร็วๆ นี้ได้มีโอกาสพบรุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน นอกจากสารทุกข์สุกดิบแล้ว ได้แลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องงาน ซึ่งหน่วยงานใหม่ที่พี่เขาต้องย้ายไปดูแลนั้น มีทีมงานเหลือเพียง 4-5 คน กับสินค้าต้นน้ำที่มีลักษณะเฉพาะกลุ่ม ลูกค้ามีไม่กี่ราย ซ้ำแล้วสินค้าเองก็ได้พัฒนามาถึงจุดที่เรียกได้ว่า ถ้าจะไปต่อกว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีเลยทีเดียว

เมื่อเทียบกับงานเดิม แม้ว่าจะตำแหน่งเล็กกว่า แต่มีสินค้าหลากหลาย ได้เจอลูกค้ามากมาย อาจจะดูวุ่นวายกว่า แต่ก็สนุกไม่น้อย เอาละ รายได้มากกว่าเดิม งานยุ่งน้อยลง เทียบเป็นสัดส่วนแล้วน่าจะพอใจ แม้ว่าความมันส์จะหายไปบ้างก็ตาม

พี่เขาก็ว่า ดีเหมือนกัน งานน้อยเลยมีเวลากลับมามองทีมงานที่ทำอยู่ อยากจะพัฒนาให้ดีกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่า เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยอดทน มักจะคิดการใหญ่กันเกินตัว แล้วก็มั่นใจตัวเองสูง

ซึ่งประเด็นนี้ ก็เห็นด้วย แต่จะว่าไป ต้องยอมรับว่า สิ่งแวดล้อมที่เขาโตมาเป็นแบบนี้จริงๆ ถามว่า วันนี้มีสักกี่คนที่จะไปห้องสมุดแล้วค่อยๆ ละเลียดหนังสือทีละเล่ม เปิดเทียบแล้วจด (หรือก็อปปี้) ทุกวันนี้ แม้กระทั่งผมเอง สงสัยอะไรก็เปิดคอม ถามพี่กูรู แปปเดียวคำตอบมีเป็นร้อยๆ หน้า ก็อปกันไปแล้วก็ปรับนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นผลงานเราแล้ว ถูกผิดไม่ต้องถาม เอามาจากเว็บ เชื่อถือได้แน่นอน

ก็เขาโตมากับเทคโนโลยีแบบนี้ จะไม่ให้ใจร้อนได้ไง ถ้าช้านัก ไม่จับเปลี่ยนซีพียู ก็ให้พ่อไปเพิ่มสปีดเน็ตให้แรงขึ้นก็ได้ซะงั้น ประกอบกับบ้านเราไม่เน้นเนื้อหา แต่เน้นรูปแบบ เน้นปริญญา วันนี้ปริญญาโทเกลื่อนไปหมด ถามใครต่อใครก็จบ MBA ฟังดูเมืองไทยน่าจะยิ่งใหญ่กว่านี้ แต่ว่าคุณภาพมันอยู่ตรงไหน หลายๆ คนได้ปริญญาโทมา ยังไม่รู้เลยว่ามันจะมีผลบวก หรือจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเราให้ดีขึ้นอย่างไร แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะจบแค่ปริญญาตรี วันนี้ก็อ้างว้างแล้ว เพราะสังคมผลักดันกันไปเอง ทำให้เรียนจบนึกอะไรไม่ออก ก็ไปเรียนพิเศษต่อเพื่อรอปริญญาโท

ดังนั้นแล้ว คนรุ่นกลางๆ อย่างเราต้องเข้าใจสิ่งที่เขาโต เขาเป็นมา แล้วมาฝึกเขาให้ทำงานกันให้ได้ดีกว่าครับ

อย่างแรกเลย ให้แยกคนที่ไฟแรง กับคนที่เรื่อยเฉื่อยออกจากกัน เพราะคนที่ไฟแรงส่วนหนึ่ง เขาจะมี (หรือพยายามที่จะมี) เป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ว่าต่อไปจะเติบโตอย่างไร ในสาขาไหน แล้วต้องทำอะไรบ้าง กลุ่มนี้ต้องคุยกับเขาตรงๆ มอบงานที่ท้าทาย และเป็นผู้นำความคิดเขาให้ได้ เพราะเขาเองก็มองหาคนที่จะเป็นต้นแบบ หรือผู้นำเขาเช่นกัน ถ้าเราไม่สามารถทำให้เขายอมรับได้แล้ว ถ้าไม่ลาออก ก็จะทำงานแบบซังกะตาย รอโอกาสบริษัทอื่นมาสอยไปซะ

ส่วนอีกพวกนั้น ต้องลองคุยกันก่อน ว่าที่ทำงานเรื่อยเฉื่อยอย่างนี้ เพราะจุดหมายหลักในชีวิตอาจจะเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเวลาให้กับงานอดิเรก อื่นๆ อีกมากมาย งานที่ทำก็แค่พอ "สอบผ่าน" รับเงินเดือนไปเป็นเดือนๆ เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นแล้ว หัวหน้าต้องอธิบายให้เข้าใจว่า ทุกสิ่งมันเชื่อมโยงอยู่ การประสบความสำเร็จในการงาน ก็สามารถส่งเสริมเป้าหมายหลักของเขาได้เช่นกัน หรือบางทีเอง เขาอาจจะเป็น "ยักษ์" ที่หลับอยู่ก็ได้

แต่ถ้าทั้งปั้น ทั้งปั่นกันไม่ขึ้นแล้ว และบริษัทไม่มีโครงการให้ไปอยู่บ้านให้เต็มอุ่นกับครอบครัว ก็ให้เขาทำตรงนั้นให้ดีที่สุดไป ในเนื้องานที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะในเมื่อไม่เป็นบวก ก็อย่าทำตัวเป็นภาระละกัน

นอกจากเรื่องคนแล้ว อีกข้อสังเกตหนึ่งที่คุยกับพี่เขาคือ ลักษณะของงาน หรือของบริษัทนั้น มันเอื้อต่อคนเก่งๆ หรือเปล่า เพราะถ้าเป็นงานหรือสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมบริษัท ที่พวกดาวรุ่งคิดว่าไม่สนุก ไม่ท้าทายแล้ว สุดท้าย เขาก็จะเบื่อและพาลหมดไฟไปเสีียเปล่า คนเป็นหัวหน้าก็ต้องค้นหา หรือ สร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับเนื้องานตรงนี้เพื่อให้เขาได้เต็มที่กับมัน แต่ต้องเข้าใจสภาพรวมของบริษัทด้วย ถ้าวัฒนธรรมเป็นอย่างนี้แล้ว สุดท้ายเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี

ดังนั้นแล้ว ในฐานะหัวหน้า แค่คนที่ "ใช่" ยังไม่พอครับ ที่ตรงนั้นมัน "ถูกต้อง" ด้วยหรือเปล่าเช่นกัน

No comments:

Post a Comment