February 17, 2011

เรียนจากหนัง > The Goods: Live Hard, Sell Hard (กลยุทธ์ผู้ชาย พันธุ์ขายแหลก - 2009)


ถ้าวันนั้นไม่ได้มีธุระไปที่โรงพยาบาล และไม่ได้แก้เซ็งด้วยการกดรีโมตไล่ช่องทีวีไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นนิสัยย้ำคิดย้ำทำอย่างหนึ่งแล้ว ผมคงไม่ได้เจอะเจอกับหนังเรื่องนี้แน่นอน

ไม่ต้องพูดถึงความนิยม หรือดาราในหนังเรื่องนี้ คะแนนเพียง 5.8 จาก imdb.com และคำโปรยเชื้อเชิญด้านบนโปสเตอร์ที่อ่านแล้วถึงกับขำ ตัวผมเองก็คงจะมองข้ามไปเช่นกัน แต่ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับ การกอบกู้สถานการณ์ด้วยทักษะการบริหารทีมขาย และไอเดียทางด้านการตลาด ทำให้กิจกรรมกดรีโมตต้องหยุดไป 89 นาที (ความยาวหนัง)

เนื้อเรื่องแบบสั้นๆ กล่าวถึง ความตกต่ำของเต๊นท์ขายรถมือสองแห่งหนึ่ง ทำให้เจ้าของ Ben Selleck ตกลงว่าจ้าง Don "The Good" Ready และทีมงานเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายระหว่างช่วงเทศกาลวันชาติ โดยมีเวลาจำกัดเพียง 3 วัน (ศุกร์-อาทิตย์) และรถยนต์ที่มากกว่า 200 คันที่จอดรอพิสูจน์ฝีมือ

ในระหว่างการเดินเรื่อง พล็อตรองเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน การไว้เนื้อเชื่อใจกัน เรื่องราวในอดีตของตัวละครหลักๆ และความรักที่น่าจะต้องห้าม ก็ถูกเสริมเข้ามาตามขนบ ซึ่งคอหนังแนวๆ นี้ก็คงคาดเดาได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะให้เน้นๆ ว่าหนังเรื่องนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้างก็คงแยกได้ดังนี้

เกี่ยวกับการขาย การตลาด - เราจะเห็นได้ว่า การวางแผนเพื่อพิชิตยอดขายนั้น ต้องมีเหลี่ยมการขาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาสูง แล้วลดแบบเหลือเชื่อเพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจ, หรือการโน้มน้าว เล่าเรื่อง เชื้อเชิญ เพื่อเน้นถึงความจำเป็นที่ขาดไม่ได้, หรือเทคนิคด้านการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหน้าร้าน การตั้งบูธดีเจเปิดเพลงเพื่อเร้าอารมณ์การซื้อ, พริตตี้ที่จ้างมาเชียร์ลูกค้าหนุ่มๆ, การปรับโปรโมชันแบบฉับพลันให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หรือการทำพีอาร์แบบแหวกๆ ด้วยการเล่นกับความผูกพันของคนในเมืองนั้นๆ เหล่านี้เป็นไอเดียตัวอย่างที่นักขาย นักการตลาดควรจะเข้าใจ แม้ว่าบางทีอาจจะรู้สึกว่ามันเว่อร์ไปบ้างก็ตาม

พูดถึงเทคนิคการขาย การตลาดแล้ว จะไม่พูดถึงการบริหารทีมขายก็คงไม่ได้ - พระเอกแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่ตอนรับงาน การเตรียมตัวหาข้อมูล การรู้จักจุดเด่น หรือข้อจำกัดของตัวเองและทีมงาน แม้เมื่อมาเจอทีมขายเดิมของเจ้าของที่ต่างก็หดหู่กับความตกต่ำ และอนาคตที่ไม่เห็นแสงสว่าง ก็ต้องมีการปลุกใจทีมขาย ให้แข็งขัน การสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ (หรือน่าสงสาร) ของพนักงานขาย หรือแม้การใช้ระฆังเป็นตัวแทนความสำเร็จในการขาย แม้กระทั่ง ในเรื่องส่วนตัว ที่อาจจะมีผลต่อผลงาน เหล่านี้ ผู้จัดการฝ่ายขายที่ดี ไม่ควรปล่อยให้กลายเป็นข้อผิดพลาดขนาดใหญ่ได้เช่นกัน

อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจคือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า - เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น เต็มที่เราอาจจะได้แค่คาดเดาจากประสบการณ์ที่เคยเจอ แต่ 3 วันของการขาย เราจะเห็นกรณีต่างๆ ที่ไม่คาดคิด ตั้งแต่ นักร้องที่จะเอามาเรียกแขกเกิดเบี้ยวเฉยๆ จนความไม่พอใจกลายเป็นจราจล ปัญหาการเทคโอเวอร์จากคู่แข่ง หรือปัญหาความน่าเชื่อถือจากลูกค้า หรือผู้ว่าจ้างก็ตาม ต่างต้องการสติที่มั่นคงในการตัดสินใจ (ในหนังแปลงตรงนี้ให้เป็นเรื่องอัศจรรย์ไปซะ)

อย่างที่บอก ถ้าข้ามเรื่องความดังของดาราแล้ว หนังเรื่องนี้สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่อยู่ในวงการการขาย การตลาดได้อย่างดี แม้ว่าอาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกประเด็นก็ตาม

ข้อสรุปสุดท้าย ที่ผมเองได้จากหนังเรื่องนี้คือ บางทีสิ่งที่เรามองหา มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการ ไม่นิยม หรืออาจจะอยู่ในเปลือกหีบห่อที่ไม่สวยงามก็เป็นได้ครับ

No comments:

Post a Comment