เวลานั้นเท่ากัน
เธอกับฉันต่างกันแค่ไหน
อยู่ที่ทำอะไร
********************
เธอกับฉันต่างกันแค่ไหน
อยู่ที่ทำอะไร
********************
ชีวิตคนเรา มักจะมีช่วงเวลาที่ "ไม่รู้ว่าจะทำอะไร" เสมอๆ ผมได้ยินวลีเหล่านี้บ่อยๆ ในช่วงใกล้สิ้นปี หลายบริษัทจะกำหนดให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนให้หมดไปพร้อมๆ กับวันส่งท้ายปีเก่า จะได้ไม่ค้างคากัน ในมุมของบริษัท วิธีนี้ก็ง่ายในการบริหารจัดการ แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกเรามักไม่ค่อยได้วางแผนกัน เผลออีกทีจะสิ้นปี ฝ่ายบุคคลก็มาเร่งให้ใช้ให้หมด มิฉะนั้นจะเสียของไปเปล่าๆ
ทีนี้แล้ว เดือนธันวาคมก็จะรับเคราะห์กันไปสิ ลากันให้จ้่าละหวั่น งานการไม่ต้องทำ ไม่สนใจว่าผลกระทบจะมากน้อยขนาดไหน เท่าที่ถามส่วนใหญ่ลาไปก็ "ไม่ีรู้ว่าจะทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ" เพียงเพราะ "ฉันไม่ต้องการเสียสิทธิ์" เท่านั้น แม้ว่าบางบริษัทจะให้เอาวันลาแลกเป็นค่าแรงแทน แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยม เพราะนอกจากจะเพิ่มงานทั้งฝ่ายบุคคล ฝ่ายการเงินแล้ว ก็จะมีพนักงานที่ไม่ยอมลาพัก ไม่ใช่ว่าขยันนะครับ แต่อู้งานในวันปกติเพื่อเก็บวันลาไปแลกเป็นเิงิน ซึ่งก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งเช่นกัน
การปลูกฝังเรื่องการวางแผนการทำงาน ก็เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ต้องรดน้ำพรวนดินกันต่อไป
อาการ "ไม่มีจุดหมาย" ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะว่า ณ จุดเวลานั้น เราอาจจะต้องการพักผ่อน ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป หลัีงจากผ่านงานที่หนักมา หรือ เรายังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไร ช่วงเวลานี้จะยาวหรือจะสั้นก็ตามแต่กรรมเก่าของแต่ละคน บางคนก็ปล่อยตัวเองให้เคว้งคว้างสุดๆ กันเป็นปี บางคนช่วงเวลานี้ก็สั้นๆ ต่างกันไป
แต่ถ้าสมมุติว่า "เวลาเรามีเหลือแค่นี้เองล่ะ ฉันจะทำอย่างไร" พล็อตแบบนี้ ใชักันบ่อยในหนังหลายเรื่องแล้ว เช่นหนังเรื่อง Ikigami (หรือในภาคการ์ตูนเรื่อง อิคิกามิ สารสั่งตาย) คือคนที่ได้รับจดหมายจากทางรัฐบาล แจ้งว่าจะมีชีวิตเหลือ 24 ชั่วโมงก่อนที่จะตายด้วยยาพิษระเบิดเวลาที่ฉีดไว้ตอนเกิด แล้วก็มาดูว่าแต่ละคนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไร สนุกดีครับ
ดูหนังแล้ัว ลองเอามาคิดเล่นๆ กันไหม เอาสัก 30 วันละกัน ไม่มากไม่น้อย แค่ปฏิทินแผ่นเดียว วิธีคิด การกระทำเราจะเป็นอย่างไร เชื่ีอได้เลยว่า ประโยคที่เราถกกันอยู่ีนั้นจะหายไปในพริบตา แล้วก็จะกลับกลายเป็นว่า "โหย..ฉันยังมีอะไรที่ต้องทำโน่น ทำนี่อีกเยอะเลย ยังไม่พร้อมที่จะตายหรอก บลา บลา บลา"
เห็นไหมครับ เมื่อกี้ยัง "ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลย" แค่แปปเดียว รายการยาวกว่าหางว่าวอีก
ลองถามตัวเองดูนะครับ ว่า ถ้าเป็นเราแล้ว
1) อะไรที่เราอยากทำที่สุด
2) อะไรที่ต้องทำ แต่เราผลัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อยๆ เขียนออกมาแล้ว เราอาจจะพบว่า ที่ผ่านมานั้น เราอาจทำ "สิ่งสำคัญบางอย่าง" หล่นหายไปในระหว่างการหายใจในแต่ละวันก็เป็นได้
3) สุดท้ายที่นึกออก แต่คงไม่ท้ายสุด เราอยากจะให้คนที่อยุ่ข้างหลังเรา "จดจำ" เราอย่างไร
ผมลองคิดเล่นๆ ของผมเอง อย่างแรก ผมคงต้องเตรียมตัวที่จะ "ตาย" (โดยไม่ให้คนอื่นเดือนร้อนกันมากไปกว่าการฝ่าการจราจรมางานศพผม แถมด้วยความดีใจที่เขาคนนั้นจะเจอ "คนอื่นๆ" ที่ไม่ได้พบกันนานมาก) โดยขอให้คนที่ผมรู้จักและนับถือ เขียนถึงผมในมุมมองของพวกเขา อย่างน้อย ผมก็อยากมีโอกาสได้อ่านหนังสืองานศพตัวเองว่า คนอื่นเขาจะรู้สึกกับเราอย่างไร ซึ่งเท่าที่รู้ คนที่ตายไปแล้วหลายๆ คนไม่มีโอกาสได้อ่านกัน (หรือได้อ่านตอนตายไปแล้ว แต่ไม่ต้องมาบอกผมนะครับ บรื๋อออ)
แล้วผมคงร่างรายการที่อยากทำ ในวัยที่เด็กกว่านี้รายการส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องคึกคะนอง แต่ปูนนี้แล้ว คงเป็นการ "ให้" หรือทำดีกับคนอื่นๆ ให้มากกว่านี้ แม้ว่าเรายังพิสูจน์เรื่องโลกนี้ โลกหน้า กรรมเวร กันไม่ได้ชัดเจน แต่ทำไว้มันก็สบายใจ ณ ปัจจุบันนี้เลย
แล้วคุณล่ะ คิดว่าถ้าเหลือแค่ 30 วัน จะทำอะไรกันบ้างครับ???
No comments:
Post a Comment